motor expo: ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน รุ่นใหม่ปี 2024 กับกิจกรรม Dirt-Road-Track Media Experience 2024Harley-Davidson จัดกิจกรรมเทสรถสุดมันส์ 3 รูปแบบ นับเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันกับ DIRT-ROAD-TRACK EXPERIENCE (DRT) เปิดประสบการณ์ขี่ รุ่นปี 2024
ปีนี้สื่อมวลชนและลูกค้าจากหลากหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งทีมงาน Motorbikeguru ได้เดินทางมาร่วมเปิดประสบการณ์ทดสอบรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson รุ่นปี 2024 รวมทั้งไลน์อัพรถจากตระกูล Grand American Touring ใหม่ล่าสุด
DRT จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ระหว่าง 21-22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ณ สนามพีระอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดชลบุรี หลังประสบความสำเร็จจาก 2 ครั้งแรกที่ผ่านมา โดยในปีนี้มีมาจากหลากหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียอย่างเกาหลีใต้ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ไต้หวัน อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง อินเดีย และไทย ซึ่งมีทั้งสื่อมวลชน คอนเทนต์ครีเอเตอร์ และกลุ่มลูกค้าที่ผ่านการแข่งขันทดลองขับขี่มอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson จากช่องทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้ทั้งสื่อมวลชนและผู้เข้าร่วมกิจกรรมต่างได้ทดสอบสมรรถนะหลากหลายไลน์อัพของ Harley-Davidson รุ่นปี 2024 ทั้งตระกูล Sport ,Cruiser ,Touring และ Adventure Touring กันตลอดวัน
กิจกรรมฯ เริ่มต้นด้วยการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม แล้วเวียนสลับขี่ตามรูปแบบกิจกรรมกับ 3 รูปแบบที่แตกต่างกันตามชื่อ ได้แก่ ทางวิบาก (Dirt) บนถนน (Road) และ สนามแข่ง (Track) จากการนำของผู้ฝึกสอนมืออาชีพ ผู้เขียนจาก Motorbikeguru อยู่กลุ่มสื่อมวลชนสายจักรยานยนต์ไทยด้วยกัน โดยเริ่มต้นกับการขี่ออกถนนก่อนกับรถรุ่น Road Glide™ รุ่นปี 2024 ที่ขี่สบายนุ่มนวลเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงจากลำโพงชั้นดีที่ขับกล่อมไปตลอดทาง ก่อนจะสลับมาขี่ Fat Boy™ ที่ยังคงสเน่ห์ไม่เสื่อมคลาย ขี่ง่า ชิว และสนุกกับเส้นทางคดเคี้ยวได้สบาย
แต่ถ้าใช้ความเร็วสูงเกินไปก็ไม่ไหวเพราะตัวชนลมตลอด ... ช่วงที่ 2 หลังจากพักยาวด้วยสายฝนที่กระหน่ำลงแทร็คสนามพีระฯ ทำให้การขี่บนแทร็คต้องล่าช้าออกไป จนฝนหยุดแต่แทร็คก็ยังเจิ่งนองไปด้วยน้ำในหลายจุดทางทีมงานและเจ้าหน้าที่ได้รอเวลาและสำรวจแทร็คจนพอใจว่าขี่ต่อได้ผู้เขียนจึงออกไปขี่โดยเริ่มกับรุ่น Sportster™ S สายสปอร์ตรุ่นใหม่ที่ขี่สนุกและน่าจะคล่องตัวสุดในแทร็ค อย่างไรก็ตามหลายโค้งที่มีน้ำและรถใช้ยางเดิมทำให้การขี่ต้องลดความเร็วลงมาและระวังเรื่องการใช้ไลน์ อย่างไรก็ตามตัวรถก็ยังผ่านทุกโค้งของสนามไปโดยไม่มีอาการมากนักและไฮไลท์ต่อจาก Sportster™ S ก็คือ การขี่รุ่น CVO Road Glide™ ST แบกเกอร์สมรรถนะสูงที่ค่าตัวอยู่ที่ 3,153,500 บาท !!! เมือต้องมาขี่บนแทร็คเปียกชุ่มขนาดนี้ ย่อมทำให้รู้สึกเกรงไม่มากก็น้อย
อย่างไรก็ตามหลังจากพอคุ้นกับสภาพแทร็คเปียกก่อนหน้า และไปด้วยความระวังผ่านไป 1 รอบก็เริ่มขยับทำความเร็วได้บ้าง แม้ตัวรถมีมิติขนาดใหญ่และหนักแต่ด้วยพลังและความมั่นคงทำให้พาเข้าออกโค้งในสนามพีระฯ ได้สบายกว่าที่คาดไว้ ... ช่วงสุดท้าย Dirt กับการขี่แบบออฟโร้ด เป็นรุ่นไหนไปไม่ได้นอกจาก Pan America 1250 Special ปี 2024 ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยเฉพาะช่วงล่างที่ตอบสนองได้ดีเยี่ยมมากกว่าเดิม โดยใช้พื้นที่ขี่บริเวณเขาไผ่การขี่เป็นกลุ่มสุดท้ายหลังฝนตกลงมาทำให้การขี่ท้าทายมากยิ่งขึ้น ผู้เขียนที่ขี่ผ่านทางดินที่เปียกชุ่มไปด้วยฝนเพราะช่วงที่เข้าไปฝนเริ่มตกอีกครั้งและหนักมากขึ้นเรื่อย แต่ด้วยบาลานซ์และเทคโนโลยีที่ดีของตัวรถทำให้เอาตัวรอดออกมาจากทางดินได้โดยไม่ล้มและต้องขี่กลับแบบออนโร้ดมายังสนามพีระฯ เสมือนการใช้ขี่แบบ dual-purpose ด้วยราคาค่าตัว 940,000 บาท ก็นับเป็นทางเลือกที่โดดเด่นมากๆ สำหรับใครที่อยากได้บิ๊กไบค์แอดเวนเจอร์ ทัวร์ริ่งแบบตัวท็อปที่ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท และมีศูนย์บริการรองรับหลายแห่ง