แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 37
1
บริการทำความสะอาด: ทำความสะอาดแทงก์น้ำอย่างไร

ในสถานที่ที่มีคนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นสถานที่ที่ต้องได้รับการทำความสะอาดเป็นประจำ เพราะยิ่งมีคนมาก ก็ยิ่งทำให้เกิดความสกปรกได้ง่าย ซึ่งเราต้องดูแลรักษาความสะอาดให้มากกว่าปกติ และยังมีอีกหลายจุดที่ต้องทำให้มีความสะอาดอยู่เสมอ เช่น ถังเก็บน้ำหรือแทงก์น้ำที่มีขนาดใหญ่ไว้ใช้เก็บน้ำเพื่อสำหรับไว้ใช้ภายในบ้าน โดยส่วนใหญ่แทงก์น้ำจะมีอยู่ตามบ้านเรือน หอพัก คอนโด ซึ่งต้องได้รับการทำความสะอาดเช่นกัน



เพราะเป็นน้ำที่เราต้องใช้ชะล้างสิ่งสกปรก และยังเป็นบริเวณที่ทำให้เกิดความสกปรกได้ง่าย แต่เมื่อฟังดูแลการทำความสะอาดแทงก์น้ำอาจเป็นเรื่องที่ฟังดูยุ่งยาก แต่เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้การทำความสะอาดส่วนอื่นๆ ภายในบ้านเลย เราควรทำความสะอาดถังเก็บน้ำอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำที่อยู่ภายในสะอาดและปราศจากแบคทีเรีย เพราะถังเก็บน้ำจะสะสมสาหร่าย ตะกอนและแบคทีเรียเมื่อผ่านการใช้งานไปนานๆ หากไม่ได้รับการดูแลอาจเป็นอันตรายแก่ผู้ใช้น้ำในบ้านได้

ซึ่งวันนี้ทางเราจะมาแนะนำขั้นตอนการทำความสะอาดแทงก์น้ำและฆ่าเชื้อในแมงก์ด้วยวิธีการที่ง่ายๆที่สามรถเริ่มต้นทำได้ด้วยตัวเอง เพื่อเป็นแนวทางให้กับพ่อบ้านหรือแม่บ้านที่อยากจะทำความสะอาดแทงก์ด้วยตนเอง

สำหรับขั้นตอนแรกก็ไม่ยากเพียงแค่ระบายน้ำในถังเก็บน้ำ โดยการเปิดวาล์วน้ำ  ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกในการทำความสะอาดถังเก็บน้ำ โดยจะทำการล้างน้ำทั้งหมดออกจากถัง ให้เปิดวาล์วถังน้ำที่ด้านล่างของถังและปล่อยให้น้ำไหลไปยังตำแหน่งที่ต้องการระบายน้ำลงท่อ หรือจะเก็บน้ำไว้ในถังอื่นก็ได้

แต่หากเป็นถังเก็บน้ำแบบถาวร และมีวาล์วชะล้างอยู่ที่ฐานของถังก็ให้เปิดระบายน้ำ หรือจะใช้วิธีการตักน้ำที่ด้านล่างของถังออกมา  เนื่องจากวาล์วหรือก๊อกน้ำมักอยู่เหนือด้านล่างของถัง แต่อาจต้องตักเอาน้ำที่เหลือออกจากถังหลังจากทำการระบายน้ำไปแล้วในขั้นต้น  เมื่อน้ำที่อยู่ด้านล่างตื้นเกินไป ให้ใช้ถ้วยพลาสติกหรือแก้วกาแฟเพื่อตักออกมาได้ จากนั้นซับน้ำที่เหลืออยู่ให้หมด  เมื่อระบายน้ำออกทั้งหมดและเหลือน้ำก้นๆ ถังเพียงเล็กน้อยให้ใช้ผ้าเช็ดตัวเพื่อดูดซับน้ำที่เหลืออยู่

หลังจากนั้น ก็ทำความสะอาดด้านในถัง โดยผสมน้ำยาทำความสะอาด  เพียงผสมน้ำร้อนกับผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าเพื่อทำน้ำยาทำความสะอาด ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้ทำความสะอาดตะกอนที่เหลืออยู่ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อย หรืออาจจะใช้วิธีการขัดล้างด้านในถัง ใช้แปรงขนหรือฟองน้ำขัดด้านในของถัง

โดยใช้หรือไม่ใช้น้ำยาทำความสะอาดก็ได้ อาจต้องใช้แปรงที่มีด้ามยาวช่วย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับขนาดของถังด้วย แต่ควรหลีกเลี่ยงแปรงที่มีขนแปรงเหล็กหรือฟองน้ำที่ทำจากเหล็ก เพราะวัสดุเหล่านี้อาจรุนแรงเกินไปสำหรับถังเก็บน้ำแบบพลาสติก อาจจะทำให้เป็นรอยและเกิดการสะสมของเชื้อโรคได้ง่ายนั่นเอง

แต่ถ้าหากเรามีปืนฉีดน้ำความดันสูง  ก็สามารถใช้ได้เหมาะสำหรับงานบ้านส่วนใหญ่ เริ่มจากเติมน้ำยาทำความสะอาดลงไปในน้ำที่จะต่อเข้ากับปืนฉีดน้ำความดันสูง ถือไว้ประมาณสี่ฟุตจากพื้นผิวที่กำลังทำความสะอาด ขยับเข้าใกล้จนกว่าจะพบระยะทางที่เหมาะที่สุด สำหรับการกำจัดสิ่งสกปรกตะกอน

แต่ก็ควรสวมแว่นตานิรภัยทุกครั้งที่ใช้งานด้วยเพื่อความปลอดภัย เพราะอาจจะกระเด็นเข้าตาได้ ซึ่งการล้างแทงก์น้ำเราก็ยังสามารถใช้เบคกิ้งโซดา เพื่อกำจัดตะกอนและสิ่งสกปรกออกจากผนังด้านในของถัง โดยโรยผนังด้วยเบคกิ้งโซดาแล้วขัดด้วยแปรงหรือฟองน้ำได้เช่นเดียวกัน

เมื่อทำความสะอาดแทงก์เสร็จแล้ว อย่าลืมทำความสะอาดมุมและข้อต่อ เพราะสารที่ตกค้างที่ติดอยู่ในบริเวณนี้ทำความสะอาดได้ยาก ให้ใช้แปรงสีฟันขนาดเล็กเพื่อช่วยขัดทำความสะอาดในส่วนนี้ จากนั้นก็ล้างออกให้สะอาดทุกซอกทุกมุม หลังจากนั้น ใช้ผ้าขี้ริ้วซับตามด้านล่างของถังเพื่อทำความสะอาดบริเวณที่ยังมีตะกอนอยู่ เท่านี้ก็ได้แทงก์น้ำที่สะอาดพร้อมใช้งานได้อีกครั้ง

ทางเรา อยากให้ทุกครอบครัวได้สร้างบรรยากาศภายในครอบครัวให้มีสิ่งแวดล้อมที่ดีอยู่เสมอ ด้วยการทำความสะอาดบ้านช่องให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น เพราะปัจจัยหลายๆอย่างในบ้านของเรา สามารถสร้างบรรยากาศที่ดีในบ้านได้ ไม่ว่าจะเป็นการที่เราได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีๆ ได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์ เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี เพราะสุขภาพที่ดีสามารถทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ ทางเรามีบริการทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน ภายในอาคารต่างๆ รวมไปถึงยังมีบริการทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น บริษัท ห้างสรรพสินค้า เพราะเราห่วงใยและใส่ใจในเรื่องสุขอนามัยของลูกค้ามาเป็นอันดับแรก

2
3 องค์ประกอบที่สำคัญ ในการเลือกฉนวนกันความร้อนโรงงาน

ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมต่างตระหนักดีว่า ฉนวนกันความร้อนโรงงาน นั้นสำคัญกับการดำเนินธุรกิจมากเพียงใด แต่การที่จะวางแผนติดตั้งฉนวนกันความร้อนในโรงงานให้ได้ผลนั้น ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยการขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพราะผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ตรงจะสามารถเลือกฉนวนกันความร้อนได้ตอบโจทย์กับโรงงานมากที่สุด โดยองค์ประกอบหลัก ๆ ในการเลือก ฉนวนกันความร้อนโรงงาน ให้มีคุณภาพและทรงประสิทธิภาพนั้น มีดังต่อไปนี้

1.ฉนวนกันความร้อนโรงงานต้องต้านทานความร้อนได้ดี

คุณสมบัติอันดับแรกและถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ ฉนวนกันความร้อนโรงงาน ต้องมีคือ ความสามารถในการต้านทานความร้อน เพราะถ้าตัวฉนวนไม่สามารถต้านความร้อนได้ดีแล้ว ความร้อนจากทั้งภายในและภายนอกโรงงานก็จะสะสมเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้โรงงานสูญเสียพลังงานมหาศาล ต้นทุนในการผลิตสูงขึ้น บรรยากาศในการทำงานไม่ดีอันจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน ซึ่งอาจนำมาซึ่งความเสียหายอีกหลาย ๆ ด้านพร้อมกัน

โดยตัวอย่างของฉนวนกันความร้อน ที่มีคุณภาพที่ได้รับความนิยมใช้กันมากในปัจจุบัน ก็เช่น ฉนวนกันความร้อนซึ่งมีค่าการนำความร้อนต่ำ มีค่าต้านทานความร้อนสูง มีความหนา แข็งแรง ยึดหยุ่น ทนต่อแรงกดได้ยอดเยี่ยม จึงทำให้ช่วยลดความร้อนที่จะเข้ามาสะสมภายในโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.ฉนวนกันความร้อนโรงงานต้องมีอายุการใช้งานยาวนาน

เมื่อมีความร้อนสะสมสูง แล้วไปปะทะกับความเย็นของระบบปรับอากาศภายในโรงงาน สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือการควบแน่นกลั่นตัวกลายเป็นหยดน้ำ ซึ่งหากฉนวนกันความร้อนที่เราเลือกใช้ไม่ได้มีความสามารถในการกันความชื้น หรือทนต่อสภาพความร้อนสูง ๆ ได้ดีล่ะก็ อายุการใช้งานฉนวนก็จะสั้น ไม่คุ้มค่า หรืออธิบายให้เข้าใจง่ายก็คือ แม้ฉนวนกันความร้อนจะไม่ได้ฉีกขาดเสียหายอะไร แต่ถ้าไม่กันความชื้น ไม่กันความร้อนได้ดี ก็จะเสื่อมสภาพความเป็นฉนวนเร็ว ซึ่งเมื่อฉนวนไม่มีความสามารถในการกันความร้อนแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับเราไม่ได้ติดฉนวนกันความร้อนนั่นเอง

ทั้งนี้ หนึ่งในเหตุผลที่ฉนวนกันความร้อนที่ได้รับความนิยมสูงจากผู้ประกอบการโรงงานนั้น นอกจากจะเพราะกันความร้อนได้ดีแล้ว ก็ยังเป็นเพราะมีคุณสมบัติในการทนต่อความชื้นได้ดี ป้องกันการควบแน่นเป็นหยดน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยยืดอายุการใช้งาน คงสภาพความเป็นฉนวนกันความร้อนที่ดีได้ยาวนานเป็นสิบ ๆ ปี

3.ฉนวนกันความร้อนโรงงานต้องปลอดภัยและเป็นมิตรกับพนักงานและสิ่งแวดล้อม

เมื่อดำเนินการติดตั้งฉนวนกันความร้อนไปในโรงงานแล้ว เท่ากับว่าฉนวนกันความร้อนนั้นจะอยู่กับโรงงานและพนักงานไปเป็นเวลายาวนาน ดังนั้น ในการเลือกฉนวนกันความร้อนจึงต้องมั่นใจว่า เป็นฉนวนที่ผลิตจากวัสดุที่ปลอดภัยต่อสุขภาพพนักงานจริง ๆ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ปนเปื้อน กล่าวคือควรเป็นฉนวนที่ส่งเสริมสุขอนามัยและความปลอดภัยให้กับพนักงานรวมถึงโรงงานให้ได้มากที่สุด

ซึ่งด้วยความต้องการฉนวนที่ปลอดภัยได้มาตรฐานนี้เอง จึงทำให้ฉนวนกันความร้อน  ได้รับความไว้วางใจอย่างมาก เนื่องจากเป็นฉนวนที่ได้รับการรับรองโดย IARC ของ WHO ว่าไม่มีส่วนของสารก่อมะเร็ง เป็นมิตรต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเป็นฉนวนใยแก้วที่ทำมาจากแก้วรีไซเคิล 100%

ในขณะเดียวกันก็ยังช่วยส่งเสริมความปลอดภัยให้กับโรงงานได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นฉนวนที่มีคุณสมบัติไม่ลามไฟ ผ่านการทดสอบมาตรฐาน ASTM E84 และ BS476 จึงทำให้ช่วยลดความรุนแรงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อเกิดอัคคีภัยได้เป็นอย่างดี

ในการวางแผนออกแบบติดตั้งฉนวนกันความร้อนโรงงานนั้น หากผู้ประกอบการไม่ได้มอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญดูแล เลือกใช้ช่างปกติทั่วไป ก็มีความเสี่ยงได้มากกว่าจะได้รับการเลือกใช้ฉนวนกันความร้อนที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งสุดท้ายแล้วจะนำพาปัญหาอีกสารพัดรูปแบบเข้ามาสู่โรงงาน และส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจอย่างใหญ่หลวงได้

3
อาชีพเสริม จากการสตรีมสดเชื่อมต่อกับผู้ชมส่งผลให้เกิดความไว้วางใจ กลยุทธ์ขั้นสูงสุดสำหรับการตลาดออนไลน์ยุคใหม่

การก้าวไปข้างหน้าในเกมการตลาดนั้นต้องอาศัยการนำกลยุทธ์ใหม่ๆ มาใช้เพื่อดึงดูดและดึงดูดผู้ชม การถ่ายทอดสดเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันสำหรับการตลาดออนไลน์ด้วยการเติบโตของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและความต้องการเนื้อหาที่มีความน่าเชื่อถือที่เพิ่มมากขึ้น การถ่ายทอดสดจึงกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Live Streaming คืออะไร?
การสตรีมสดคือการถ่ายทอดเนื้อหาวิดีโอแบบเรียลไทม์ให้ผู้ชมออนไลน์ได้รับชม ช่วยให้แบรนด์และบุคคลต่างๆ สามารถแชร์กิจกรรม การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ เซสชันถาม-ตอบ บทช่วยสอน และอื่นๆ โดยตรงกับผู้ติดตามได้ แพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Facebook Live, Instagram Live, YouTube และ TikTok ทำให้การสตรีมสดเข้าถึงได้ง่ายและมีประสิทธิภาพสูง

เหตุใดการสตรีมสดจึงได้ผล
การมีส่วนร่วมที่แท้จริง:
ผู้ชมต้องการความจริงแท้ การสตรีมสดช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เชื่อมต่อกับผู้ชมได้โดยไม่ผ่านการกรองและจริงใจ ส่งผลให้เกิดความไว้วางใจและความภักดี

การโต้ตอบแบบเรียลไทม์:
ผู้ชมสามารถแสดงความคิดเห็น ถามคำถาม และแบ่งปันความคิดของตนในระหว่างการออกอากาศ ซึ่งจะสร้างช่องทางการสื่อสารสองทางที่ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วม

เพิ่มการเข้าถึง:
อัลกอริทึมของโซเชียลมีเดียมักให้ความสำคัญกับเนื้อหาสด เพิ่มการมองเห็น และขยายศักยภาพการเข้าถึงแบรนด์ของคุณ

การตลาดที่คุ้มต้นทุน:
การสตรีมสดต้องใช้การลงทุนน้อยมากเมื่อเทียบกับกลยุทธ์การตลาดแบบดั้งเดิม ซึ่งทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจทุกขนาด

เพิ่มอัตราการแปลง:
การสาธิตผลิตภัณฑ์แบบเรียลไทม์ คำรับรอง และโปรโมชั่นระหว่างการถ่ายทอดสดสามารถส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อได้อย่างมาก

เคล็ดลับสำหรับการสตรีมสดที่ประสบความสำเร็จ
วางแผนเนื้อหาของคุณ:ร่างประเด็นสำคัญและเตรียมหัวข้อที่น่าสนใจเพื่อให้ผู้ชมสนใจ
โปรโมตการถ่ายทอดสดของคุณ:ประกาศเซสชันสดของคุณล่วงหน้าเพื่อสร้างความคาดหวัง
มีส่วนร่วมกับผู้ชม:ตอบกลับความคิดเห็นและคำถามเพื่อส่งเสริมการโต้ตอบ
อุปกรณ์ทดสอบ:รับรองอินเทอร์เน็ตที่เสถียร แสงสว่างที่ดี และเสียงที่ชัดเจนเพื่อประสบการณ์ระดับมืออาชีพ
คำกระตุ้นการดำเนินการ:กระตุ้นให้ผู้ชมดำเนินการบางอย่าง เช่น เยี่ยมชมเว็บไซต์หรือซื้อสินค้า

ตัวอย่างความสำเร็จของการถ่ายทอดสด
แบรนด์ต่างๆ มากมายใช้ประโยชน์จากการสตรีมสดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ แบรนด์แฟชั่นนำเสนอคอลเลกชันล่าสุดของตนผ่านแฟชั่นโชว์สด บริษัทเทคโนโลยีเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ และผู้มีอิทธิพลจัดเซสชันแบบโต้ตอบเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับผู้ติดตาม

4
ลงประกาศได้ไม่จำกัด / โรคมาลาเรีย (Malaria)
« เมื่อ: วันที่ 29 มิถุนายน 2025, 12:30:51 น. »
โรคมาลาเรีย (Malaria)

มาลาเรีย (ไข้มาลาเรีย ไข้จับสั่น* ไข้ป่า ก็เรียก) เป็นโรคที่พบได้บ่อยในบ้านเรา มักพบในบริเวณที่เป็นป่าเขา จึงพบได้แทบทุกภาคของประเทศ (ยกเว้นกรุงเทพฯ ในบริเวณที่เป็นตัวจังหวัด ตัวอำเภอ และที่ ๆ เป็นทุ่งนากว้างห่างจากป่าเขา)

เชื้อที่ทำให้เป็นไข้มาลาเรียมีอยู่หลายชนิด แต่ที่สำคัญในบ้านเรามี 2 ชนิด คือ พลาสโมเดียมฟาลซิพารัม (Plasmodium falciparum) กับ พลาสโมเดียมไวแวกซ์ (Plasmodium vivax)

มาลาเรียชนิดฟาลซิพารัม พบได้ประมาณร้อยละ 50-80 มักมีปัญหาดื้อยาและมีภาวะแทรกซ้อนได้มาก (เช่น มาลาเรียขึ้นสมอง ไตวาย) เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้

มาลาเรียชนิดไวแวกซ์ พบได้ร้อยละ 20-50 มักไม่ดื้อยา และมีภาวะแทรกซ้อนน้อย เชื้อนี้สามารถหลบซ่อนอยู่ในตับได้นาน ๆ ทำให้มีอาการกำเริบได้บ่อย โดยที่ไม่ต้องได้รับเชื้อใหม่ (จากการถูกยุงก้นปล่องกัด)

มักมีประวัติว่าอยู่ในเขตป่าเขา หรือกลับจากเขตที่มีมาลาเรีย เช่น ชลบุรี จันทบุรี ระยอง ตราด ตากอุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ยะลา นครนายก ปราจีนบุรี สระบุรี ปากช่อง นครราชสีมา ชัยภูมิ ศรีสะเกษ สกลนคร ขอนแก่น เลย เพชรบูรณ์ แพร่ น่าน เชียงราย แม่ฮ่องสอน เป็นต้น หรือเคยได้รับเลือด หรือเคยเป็นไข้มาลาเรียมาก่อน

*ในบ้านเราผู้ที่มีไข้หนาวสั่นมากหรือมีไข้นานหลายวัน เมื่อตรวจร่างกายไม่พบอาการอย่างอื่นชัดเจน หรือพบเพียงตับโตม้ามโต พึงนึกถึงมาลาเรีย ไทฟอยด์ สครับไทฟัส และเล็ปโตสไปโรซิสไว้เสมอ

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อมาลาเรีย ซึ่งเป็นสัตว์เซลล์เดียว หรือโปรโตซัว (protozoa) เช่นเดียวกับบิดอะมีบา มียุงก้นปล่อง (anopheles) เป็นพาหะนำโรค คือต้องถูกยุงที่มีเชื้อมาลาเรียกัดจึงจะเป็นโรค

ระยะฟักตัว

ชนิดฟาลซิพารัม 9-14 วัน (เฉลี่ย 12 วัน)

ชนิดไวแวกซ์ 12-17 วัน (เฉลี่ย 15 วัน) อาจนาน 6-12 เดือน

ถ้าเกิดจากการให้เลือด อาจมีระยะฟักตัวสั้นกว่านี้ ถ้ามีการกินยาป้องกันมาลาเรียก็อาจมีระยะฟักตัวยาวกว่านี้

โรคนี้ส่วนใหญ่เกิดกับผู้ที่อยู่หรือเข้าไปในเขตป่าเขาแล้วถูกยุงก้นปล่องที่มีเชื้อมาลาเรียกัด ส่วนผู้ที่อยู่ในเมืองและไม่มีประวัติเดินทางเข้าไปในเขตป่าเขา อาจติดเชื้อจากการได้รับเลือดที่ปนเปื้อนเชื้อมาลาเรีย หรือได้รับเชื้อที่สนามบิน เนื่องจากยุงก้นปล่องอาจติดมากับเครื่องบินโดยบังเอิญ (ซึ่งมีโอกาสพบได้น้อยมาก)

วงจรชีวิตของเชื้อมาลาเรีย

1. เมื่อยุงก้นปล่องตัวเมียกัดคน ยุงจะปล่อยเชื้อระยะติดต่อที่มีชื่อว่า สปอโรซอยต์ (sporozoite) ที่มีอยู่ในน้ำลายเข้าสู่กระแสเลือดของคนแล้วเดินทางไปที่ตับ

2. เชื้อที่อยู่ในเซลล์ตับ จะเจริญและแบ่งตัวแบบไร้เพศ (ไม่ต้องผสมพันธุ์) กลายเป็นเชื้อที่มีชื่อ สคิซอนต์ (schizonte) ซึ่งภายในเซลล์มีเชื้อระยะที่แบ่งตัวแล้วที่มีชื่อว่า เมโรซอยต์ (merozoite) จำนวนมาก เชื้อจะอยู่ในเซลล์ตับนาน 5-15 วัน

เซลล์ตับที่มีเชื้อมาลาเรียอยู่จะโตขึ้นและแตกออก ปล่อยเชื้อเมโรซอยต์ออกมาในกระแสเลือด

สำหรับมาลาเรียชนิดพลาสโมเดียมไวแวกซ์ เชื้อบางส่วนยังคงหลบอยู่ในเซลล์ตับต่อไป ซึ่งเรียกว่า ฮิปโนซอยต์ (hypnozoite) และจะออกมาในกระแสเลือดเป็นครั้งคราว ทำให้มีอาการกำเริบซ้ำ ๆ ได้บ่อยโดยไม่ได้ติดเชื้อจากการถูกยุงก้นปล่องกัดครั้งใหม่

3. เชื้อเข้าสู่เม็ดเลือดแดง เจริญเป็นเชื้อระยะที่เรียกว่า โทรโฟซอยต์ (trophozoite)

4. ประมาณ 48 ชั่วโมงต่อมา เชื้อจะแบ่งตัวแบบไร้เพศอีกครั้ง และเม็ดเลือดแดงแตกออก ทำให้ได้เมโรซอยต์ 6-30 ตัว ซึ่งสามารถเดินทางเข้าสู่เม็ดเลือดแดงอื่น ๆ ต่อไป

ระยะที่เม็ดเลือดแดงแตก ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ หนาวสั่น

5. ขณะเดียวกัน เชื้อบางส่วนจะเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์เพศ (gametocyte) ซึ่งแบ่งเป็นตัวผู้กับตัวเมีย

6. เมื่อยุงก้นปล่องตัวเมียมากัดคนที่มีเชื้อมาลาเรียระยะที่เป็นเซลล์เพศในกระแสเลือด เซลล์เพศตัวผู้กับตัวเมียก็จะผสมกันเป็นตัวอ่อน (zygote) อยู่ในลำไส้ส่วนกลางของยุง ซึ่งจะเจริญต่อไปจนเป็นตัวแก่ (oocyst) ฝังตัวอยู่ในลำไส้ แล้วเชื้อตัวแก่จะแบ่งตัวเจริญต่อไปเป็นสปอโรซอยต์ ซึ่งจะเดินทางไปที่ต่อมน้ำลาย เพื่อรอแพร่เข้าสู่คน เมื่อยุงไปกัดคน

อาการ

อาการจะเกิดหลังจากได้รับเชื้อโดยถูกยุงก้นปล่องกัดประมาณ 9-17 วัน (แต่อาจนานหลายสัปดาห์ หรือหลายเดือนก็ได้) ใน 2-3 วันแรกอาจมีอาการไข้ต่ำ ๆ ปวดศีรษะ ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดเมื่อยตามตัวคล้ายไข้หวัดใหญ่ อาจมีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ ปวดท้อง ท้องเดินร่วมด้วย ต่อมาจึงจะมีอาการไข้จับสั่นเป็นเวลา* ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของมาลาเรีย

อาการจับไข้ แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้

1. ระยะหนาวสั่น มีอาการหนาวสั่นมากและไข้เริ่มขึ้น ปวดศีรษะ ผิวหนังซีด อาจมีคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ระยะนี้กินเวลา 20-60 นาที

2. ระยะร้อน ไข้ขึ้นสูงประมาณ 40 องศาเซลเซียส ปวดศีรษะมาก อาจปวดลึกเข้าไปในกระบอกตาหน้าแดง ตาแดง กระสับกระส่าย เพ้อ กระหายน้ำ ชีพจรเต้นเร็ว อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดกระดูก ปวดกล้ามเนื้อ ในเด็กอาจชักได้ กินเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง (อาจนาน 3-8 ชั่วโมง)

3. ระยะเหงื่อออก จะมีเหงื่อออกชุ่มทั้งตัว ไข้จะลดลงเป็นปกติ แต่จะรู้สึกอ่อนเพลียและหลับไป กินเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

ผู้ป่วยมาลาเรียชนิดไวแวกซ์ มักจับไข้วันเว้นวัน หรือทุก 48 ชั่วโมง เวลาไม่จับไข้จะรู้สึกสบายดี มักจะคลำได้ม้ามโตในปลายสัปดาห์ที่ 2 ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะมีไข้วันเว้นวันอยู่ประมาณ 6 สัปดาห์ ถึง 3 เดือน (หรืออาจนานกว่านั้น) แล้วจะหายไปเอง ผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษาหรือรักษาไม่ถูกต้อง แม้ว่าไข้จะหายไปแล้ว แต่ก็อาจกลับเป็นได้ใหม่หลังจากหายไป 2-3 สัปดาห์ หรือ 2-3 เดือน แต่อาการจะน้อยกว่าครั้งแรก ผู้ป่วยอาจมีอาการกำเริบเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย และมักไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง บางรายอาจกินเวลานานถึง 2-3 ปีกว่าจะหายขาด จึงเรียกว่า มาลาเรียเรื้อรัง

ผู้ป่วยมาลาเรียชนิดฟาลซิพารัม มักจับไข้ทุกวัน หรือทุก 36 ชั่วโมง แต่อาจจับไม่เป็นเวลา อาจจับทั้งวันหรือวันละหลายครั้ง ระยะไม่จับไข้ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบาย และอาจมีไข้ต่ำ ๆ อยู่เรื่อย บางรายอาจมีอาการปวดท้อง ท้องเดินร่วมด้วย ม้ามจะโตในวันที่ 7-10 ของไข้ ถ้าได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ไข้จะลงภายใน 3-5 วัน ถ้ารักษาไม่ถูกต้อง อาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงถึงตายได้ จึงเรียกว่า มาลาเรียชนิดร้ายแรง

*การจับไข้หนาวสั่นเกิดขึ้นเมื่อมีการแตกของเม็ดเลือดแดงที่มีเชื้อมาลาเรีย ทำให้มีการหลั่งสารหลายชนิด ก่อให้เกิดอาการไข้และอาการอื่น ๆ

ภาวะแทรกซ้อน

พบในมาลาเรียชนิดฟาลซิพารัม มักเกิดกับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น ขาดอาหาร ร่างกายอ่อนแอ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่ไม่เคยอยู่ในแดนมาลาเรีย) หรือได้รับการรักษาไม่ถูกต้อง

ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ ได้แก่

    มาลาเรียขึ้นสมอง (cerebral malaria) ผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะมาก ซึม สับสน ชักกระตุกทั้งตัว หมดสติ มีอัตราตายสูงถึงร้อยละ 20 (ในหญิงตั้งครรภ์อาจสูงถึงร้อยละ 50)
    อาการชักโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนทางสมอง ซึ่งอาจพบในเด็กที่เป็นมาลาเรีย
    ภาวะไตวายเฉียบพลันเนื่องจากการอุดตันหลอดเลือดแดงฝอยที่ไต ผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะออกน้อยหรือไม่ออกเลย พบในผู้ใหญ่มากกว่าในเด็ก มีอัตราตายสูง
    ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ผู้ป่วยจะมีอาการหน้ามืด เป็นลม ใจสั่น เหงื่อออก มักพบในเด็กและหญิงตั้งครรภ์
    ปอดบวมน้ำ (pulmonary edema) มีอาการหอบ ฟังปอดได้ยินเสียงกรอบแกรบ
    ดีซ่าน (ตาเหลืองตัวเหลือง) และตับโต มักพบร่วมกับภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น มาลาเรียขึ้นสมอง ไตวายเฉียบพลัน ปอดบวมน้ำ เป็นต้น
    ภาวะเลือดเป็นกรด ซึ่งมักจะพบร่วมกับภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
    ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ
    ภาวะการเสียดุลน้ำและอิเล็กโทรไลต์
    โลหิตจาง เนื่องจากเม็ดเลือดแดงแตกง่าย และไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดแดงขึ้นชดเชยได้ไม่ทัน

ในกรณีที่เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตกรุนแรง ผู้ป่วยจะมีอาการซีด เหลือง และปัสสาวะดำ เรียกว่า ไข้ปัสสาวะดำ (black water fever) ซึ่งมักพบในผู้ป่วยที่ใช้ยาควินิน ภาวะนี้อาจทำให้เกิดไตวายแทรกซ้อนได้

    ภาวะเลือดจับเป็นลิ่มทั่วร่างกาย (DIC) ทำให้มีเลือดออกทั่วร่างกายรุนแรง เป็นอันตรายถึงตายได้
    ในหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นมาลาเรีย นอกจากมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวแล้ว ยังอาจมีผลต่อทารกในครรภ์ เช่น แท้งบุตร ทารกเสียชีวิต ทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักน้อย

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ไข้ประมาณ 40 องศาเซลเซียส หน้าแดง ตาแดง ม้ามโต (คลำได้ในปลายสัปดาห์ที่ 2 หลังมีไข้) อาจมีตับโต เริมที่ริมฝีปาก อาจมีอาการซีดเหลือง หรือปัสสาวะแดงเข้มหรือปัสสาวะดำเหมือนน้ำโคล่า

แต่ก็อาจไม่พบอะไรมากนอกจากไข้ก็ได้

ในเด็กที่เป็นเรื้อรัง อาจมีลักษณะพุงโรก้นปอด ขาดอาหาร ซีด ม้ามโต

ในรายที่เป็นมาลาเรียขึ้นสมอง จะมีอาการเพ้อ ชัก ไม่รู้สึกตัว หรือหมดสติ*

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจเลือดหาเชื้อมาลาเรียด้วยวิธีต่าง ๆ

*ชาวบ้านบางแห่งอาจเข้าใจว่าเป็นอาการของผีเข้า พาไปรดน้ำมนต์ไล่ผี หรือทำพิธีกรรมต่าง ๆ ซึ่งอาจเสียชีวิต เพราะขาดการรักษาอย่างทันการณ์

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

ก. สำหรับมาลาเรียชนิดฟาลซิพารัม ให้ยารักษามาลาเรียขนานใดขนานหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ควินิน ร่วมกับเตตราไซคลีน หรือร่วมกับดอกซีไซคลีน
    เมโฟลควีน เพียงอย่างเดียว
    เมโฟลควีน ร่วมกับเตตราไซคลีน หรือดอกซีไซคลีน
    อาร์ทีซูเนต เพียงอย่างเดียว
    อาร์ทีซูเนต ร่วมกับเมโฟลควิน

ข. สำหรับมาลาเรียชนิดไวแวกซ์ ให้คลอโรควีน หลังจากนั้นให้ไพรมาควีน เพื่อกำจัดเชื้อมาลาเรียที่หลบซ่อนอยู่ในตับให้หมดไป

ถ้ามีอาการสงสัยเป็นมาลาเรียขึ้นสมอง (เช่น ซึม เพ้อ ชัก หรือหมดสติ) หรือมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ซีดมาก ดีซ่าน ปัสสาวะออกน้อยหรือไม่ออกเลย หอบ เป็นต้น

จำเป็นต้องรับผู้ป่วยรักษาไว้ในโรงพยาบาล (ให้การรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้ ให้น้ำเกลือ ให้เลือด ล้างไต เป็นต้น) ส่วนยามาลาเรียในระยะแรกอาจต้องให้ควินินหรืออาร์ทีซูเนตฉีดเข้าหลอดเลือดดำ จนกว่าอาการจะดีขึ้นจึงเปลี่ยนเป็นยากิน

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีไข้สูง หนาวสั่นมาก มีไข้วันเว้นวัน หรือมีไข้นานเกิน 1 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นมาลาเรีย ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไข้ไม่ทุเลาใน 2-3 วัน หรือไข้ลดแล้วต่อมากลับมีไข้กำเริบใหม่
    มีอาการปวดศีรษะมาก ซึมมาก ไม่ค่อยรู้สึกตัว เพ้อ ชัก หายใจหอบ ซีด ตัวเหลืองตาเหลือง คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร หรือปัสสาวะออกน้อยหรือไม่ออกเลย
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

1. เมื่อต้องเดินทางเข้าไปในเขตป่าเขา ควรป้องกันไม่ให้ยุงก้นปล่องกัด โดยการนอนกางมุ้ง ทายากันยุง

2. ยาที่ใช้ป้องกันตามที่เคยแนะนำในอดีตนั้นพบว่าไม่ได้ผลมากนัก ในปัจจุบันจึงไม่แนะนำให้กินยาป้องกันล่วงหน้า แต่แนะนำว่า ถ้าออกจากป่าแล้วมีอาการไข้ หรือสงสัยเป็นมาลาเรีย ให้รีบทำการตรวจรักษา หรือในกรณีที่ต้องเข้าไปอยู่ในป่าที่เป็นถิ่นที่มีเชื้อมาลาเรียดื้อต่อยาหลายชนิดเป็นเวลานานเกิน 2 สัปดาห์ (ซึ่งเป็นระยะฟักตัวของโรค) ก็ควรพกยารักษามาลาเรีย (ได้แก่ ควินิน เมโฟลควีน หรืออาร์ทีซูเนต) ไว้สำรองใช้ในยามฉุกเฉินเมื่อไม่สามารถตรวจเลือดได้ โดยใช้ในขนาดที่ใช้รักษามาลาเรีย

ข้อแนะนำ

1. อาการของมาลาเรีย อาจไม่ตรงไปตรงมา ผู้ป่วยอาจมีไข้สูงโดยไม่มีอาการหนาวสั่น หรือหนาวสั่นวันละหลายครั้งก็ได้ บางรายอาจมีไข้สูงตลอดเวลา อาจมีอาการปวดเมื่อยตามตัวและกล้ามเนื้อ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน ซึ่งอาการเหล่านี้อาจพบในโรคอื่น ๆ ดังนั้น ผู้ป่วยที่มีอาการไข้ทุกราย ควรถามถึงพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อมาลาเรีย ถ้าพบว่าผู้ป่วยมีประวัติเข้าป่า หรือมีประวัติเคยได้รับเลือดมาภายใน 2 สัปดาห์ ถึง 2 ปี หรือสงสัยว่าจะเป็นมาลาเรียจากการติดเชื้อทางอื่น (เช่น ลูกที่เกิดจากมารดาที่เคยเป็นมาลาเรีย เจ้าหน้าที่ที่ทำงานในห้องปฏิบัติการเลี้ยงยุงก้นปล่อง เจ้าหน้าที่ที่ตรวจเลือด หรือบุคคลที่บ้านอยู่ใกล้สนามบิน ซึ่งเครื่องบินอาจนำยุงก้นปล่องมาจากประเทศอื่น เป็นต้น) ก็ควรจะต้องเจาะเลือดตรวจหาเชื้อมาลาเรีย

2. ผู้ป่วยมาลาเรีย อาจตรวจเลือดไม่พบเชื้อก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นโรคในระยะแรก ๆ (เชื้อมาลาเรียมีจำนวนน้อย) ดังนั้น ต้องแนะนำให้ผู้ป่วยตรวจเลือดซ้ำอีกครั้งภายใน 12-24 ชั่วโมง หรือขณะมีไข้ การตรวจเลือดบ่อย ๆ จะมีโอกาสพบเชื้อได้มากขึ้น นอกจากนี้ผู้ป่วยที่กินยาป้องกันมาลาเรียมาก่อน หรือกินยารักษามาบ้างแล้ว ก็จะทำให้ตรวจพบเชื้อมาลาเรียได้ลำบากมากขึ้น เพราะจะเห็นเชื้อมาลาเรียไม่ชัดเจน ดังนั้น ถ้าผู้ป่วยมีไข้และมีประวัติสงสัยติดเชื้อมาลาเรีย แม้ตรวจเลือดไม่พบเชื้อ ก็ควรเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดและตรวจเลือดบ่อย ๆ อาจจำเป็นต้องรับผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาลเพื่อการตรวจวินิจฉัยที่ชัดเจน

3. ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วหากมีไข้กำเริบภายใน 2 เดือนโดยไม่มีประวัติติดเชื้อครั้งใหม่ อาจมีสาเหตุจากการติดเชื้อมาลาเรียทั้งชนิดฟาลซิพารัมและชนิดไวแวกซ์พร้อมกัน (พบได้ประมาณร้อยละ 30 ของผู้ที่ติดเชื้อฟาลซิพารัม) แต่ได้รับการรักษาแบบชนิดฟาลซิพารัม จึงมีเชื้อชนิดไวแวกซ์หลบซ่อนอยู่ในตับ เกิดอาการกำเริบได้ หรือไม่ก็อาจเกิดจากได้ยาไม่ครบหรือเชื้อดื้อยา ดังนั้น ถ้าผู้ป่วยมีอาการไข้กำเริบภายใน 2 เดือนหลังจากหายจากมาลาเรียครั้งแรกแล้ว ควรต้องเจาะเลือดตรวจหาเชื้ออีก

4. ผู้ป่วยควรกินยาให้ครบ ถ้าไม่ครบจะมีโอกาสเป็นไข้มาลาเรียกำเริบได้อีก ส่วนการกินยารักษามาลาเรีย ไม่ควรกินขณะจับไข้หนาวสั่น ผู้ป่วยอาจอาเจียนและได้ยาไม่ครบขนาด ควรให้ยาแก้ไข้หรือยาแก้อาเจียนนำไปก่อนสัก 1/2-1 ชั่วโมง เมื่ออาการไข้ทุเลาจึงให้ยารักษามาลาเรีย และหลังจากนั้นควรให้ผู้ป่วยนอนพักสัก 1-2 ชั่วโมง ไม่ควรลุกหรือเดินทันที เพราะอาจเกิดอาการเวียนหัว (ความดันโลหิตต่ำ) และอาเจียนได้

5. ผู้ป่วยที่มีอาการไข้และหนาวสั่นมาก ถ้าไม่ได้ประวัติติดเชื้อมาลาเรีย (เช่น ไม่ได้เข้าป่า หรือรับเลือด) อาจมีสาเหตุจากโรคอื่นก็ได้ ที่พบได้บ่อยก็คือ กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน นอกนั้นก็อาจมีสาเหตุจากโรคปอดอักเสบระยะ 24 ชั่วโมงแรก ท่อน้ำดีอักเสบ สครับไทฟัส เล็บโตสไปโรซิส โลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น จึงควรตรวจดูอาการให้ถ้วนถี่ด้วย

5
การเลือกน้ำยาบ้วนปาก สำหรับเด็กเข้ารับการจัดฟันเด็ก

แน่นอนค่ะ การเลือกน้ำยาบ้วนปากสำหรับเด็กที่จัดฟันเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเด็กกลุ่มนี้มีความเสี่ยงต่อปัญหาช่องปากได้ง่ายกว่าปกติ เนื่องจากมีเครื่องมือจัดฟันเป็นอุปสรรคต่อการทำความสะอาดฟันและช่องปาก การเลือกน้ำยาบ้วนปากที่เหมาะสมจะช่วยเสริมการดูแลสุขภาพช่องปากให้ดียิ่งขึ้นค่ะ

หลักการสำคัญในการเลือกน้ำยาบ้วนปากสำหรับเด็กจัดฟัน:


ต้องไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ (Alcohol-free):

ทำไมถึงสำคัญ: แอลกอฮอล์อาจทำให้ช่องปากแห้ง ระคายเคืองต่อเหงือกและเยื่อบุอ่อนในช่องปากได้ง่ายขึ้น ซึ่งเด็กที่จัดฟันมักมีอาการระคายเคืองอยู่แล้วจากเครื่องมือจัดฟัน การใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีแอลกอฮอล์จะยิ่งทำให้อาการแย่ลง และอาจส่งผลเสียต่อวัสดุบางชนิดของเครื่องมือจัดฟันได้

วิธีสังเกต: มองหาคำว่า "Alcohol-free" บนฉลากผลิตภัณฑ์


มีฟลูออไรด์ (Fluoride):

ทำไมถึงสำคัญ: การจัดฟันทำให้มีโอกาสเกิดฟันผุสูงขึ้น โดยเฉพาะบริเวณรอบๆ เครื่องมือจัดฟัน ฟลูออไรด์จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเคลือบฟัน ป้องกันฟันผุ และช่วยคืนแร่ธาตุให้กับเคลือบฟันที่เริ่มผุ (remineralization)

วิธีเลือก: เลือกน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของ Sodium Fluoride หรือ Sodium Monofluorophosphate ในความเข้มข้นที่เหมาะสมสำหรับเด็ก (มักจะระบุบนฉลาก)

มีสารยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย/ลดคราบจุลินทรีย์ (Antiplaque/Antigerm/Antibacterial):

ทำไมถึงสำคัญ: เครื่องมือจัดฟันเป็นแหล่งสะสมของเศษอาหารและคราบจุลินทรีย์ ทำให้เกิดการอักเสบของเหงือก (เหงือกบวม แดง มีเลือดออกง่าย) น้ำยาบ้วนปากที่มีสารเหล่านี้จะช่วยลดจำนวนแบคทีเรียในช่องปากและลดการสะสมของคราบจุลินทรีย์

สารที่ควรมองหา: เช่น Cetylpyridinium Chloride (CPC) ซึ่งเป็นสารฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์ และมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อและลดการสะสมของคราบจุลินทรีย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (หลีกเลี่ยง Chlorhexidine สำหรับการใช้ประจำวันโดยไม่ปรึกษาทันตแพทย์ เพราะอาจทำให้ฟันเหลืองได้)


รสชาติที่เด็กชอบและไม่เผ็ดร้อน:

ทำไมถึงสำคัญ: เพื่อให้เด็กให้ความร่วมมือในการบ้วนปากอย่างสม่ำเสมอ รสชาติที่เผ็ดร้อนจะทำให้เด็กรู้สึกไม่สบายปากและไม่อยากใช้

วิธีเลือก: ลองให้เด็กเลือกรสชาติที่ชอบ เช่น รสผลไม้ รสมิ้นต์อ่อนๆ

ผ่านการรับรองจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ (ถ้ามี):

เช่น สมาคมทันตแพทย์ หรือองค์กรด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้อง เพื่อความมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย


สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง:

น้ำยาบ้วนปากที่มีแอลกอฮอล์: ดังที่กล่าวไปแล้ว

น้ำยาบ้วนปากที่มีสีเข้ม: อาจทำให้ยางจัดฟันหรือยางรัดฟันเปลี่ยนสีได้ (แม้จะน้อยกว่าอาหารและเครื่องดื่มบางชนิด)

น้ำยาบ้วนปากที่รสชาติจัดจ้าน/เผ็ดร้อนเกินไป: ทำให้เด็กรู้สึกไม่สบายปาก


คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับเด็กจัดฟัน:

เน้นการแปรงฟันที่ถูกวิธี: การใช้น้ำยาบ้วนปากเป็นเพียงส่วนเสริม การแปรงฟันให้สะอาดและถูกวิธี (โดยเฉพาะการใช้แปรงสีฟันสำหรับคนจัดฟัน และแปรงซอกฟัน) เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

ใช้ไหมขัดฟันสำหรับคนจัดฟัน: ไหมขัดฟันชนิดพิเศษ (Super Floss) หรือเครื่องฉีดน้ำ (Water Flosser) จะช่วยทำความสะอาดซอกฟันและใต้เส้นลวดได้ดี

บ้วนปากหลังอาหารทุกครั้ง: เพื่อกำจัดเศษอาหารที่ติดเครื่องมือจัดฟัน

ปรึกษาทันตแพทย์จัดฟัน: ก่อนเลือกใช้น้ำยาบ้วนปาก ทันตแพทย์จะสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมที่สุดกับสภาพช่องปากและความต้องการเฉพาะของเด็กแต่ละคนได้

การดูแลช่องปากที่ดีอย่างสม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้การจัดฟันประสบความสำเร็จและมีสุขภาพฟันที่ดีหลังถอดเครื่องมือค่ะ

6
ทาวน์เฮ้าส์ วิลลาจจิโอ ลำลูกกา-วงแหวน (Villaggio Lamlukka-Wongwaen)
เริ่มต้น 3 ลบ. - 8 ลบ.

วิลลาจจิโอ ลำลูกกา-วงแหวน (Villaggio Lamlukka-Wongwaen)
Villaggio ลำลูกกา-วงแหวน เติมเต็มทุกความสุข พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิต กับโครงการที่ออกแบบใหม่ทั้งบรรยากาศและดีไซน์ ตอบไลฟ์สไตล์ที่ใช่

UP LIFESTYLE ใช้ชีวิตสุดชิค ในบรรยากาศสุดชิล Camping Ville
UP HAPPINESS บ้านสวยมีดีไซน์ ฟังก์ชันครบพร้อม เริ่มต้นด้วย 3 ห้องนอน
UP CONVENIENCE บนทำเลศักยภาพ ลำลูกกา-วงแหวน เดินทางง่าย เชื่อมต่อได้หลายเส้นทาง ใกล้รถไฟฟ้าและทางด่วน

 รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ            วิลลาจจิโอ ลำลูกกา-วงแหวน (Villaggio Lamlukka-Wongwaen)
 เจ้าของโครงการ    แลนด์แอนด์เฮ้าส์
 แบรนด์ย่อย            วิลลาจจิโอ
 ราคา                      เริ่มต้น 3 ลบ. - 8 ลบ. (ณ. วันที่ 18 มี.ค. 67)
 คำนวณเงินผ่อน    คำนวณเงินผ่อนโครงการนี้
 ประเภทบ้าน         บ้านเดี่ยว, ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
 ลักษณะทำเล       บ้านใกล้เมือง
 พื้นที่โครงการ     89 ไร่ 38 ตร.ว.
 จำนวนบ้าน         484 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด       3 แบบ
  เนื้อที่บ้าน                ตั้งแต่ 21 ตร.ว.
 พื้นที่ใช้สอย             ตั้งแต่ 122 ตร.ม.
 จำนวนชั้น                2 ชั้น
 หน้ากว้าง               โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน      3 ห้อง
 จำนวนที่จอดรถ      2 คัน
 สาธารณูปโภค      สวนสาธารณะ, คลับเฮาส์, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., CCTV, สนามเด็กเล่น

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน         ปทุมธานี, คลองหลวง, ธัญบุรี, ลำลูกกา
 ที่ตั้ง        ซอยลำลูกกา 97 ตำบลบึงคำพร้อย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี

 ขนส่งสาธารณะ
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม, สถานี(หมอชิต - คูคต)(คูคต)
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม, สถานี(คูคต - วงแหวนรอบนอก)(วงแหวนรอบนอกตะวันออก)
ใกล้ทางด่วน (ถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก), ทางพิเศษฉลองรัช (ด่านจตุโชติ))
ใกล้ถนนสายหลัก (ถนนลำลูกกา, ถนนนิมิตใหม่, ถนนรังสิต-นครนายก)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
1. ถนนลำลูกกา (ซ.ไปรษณีย์) 5 กม.
2. ถนนลำลูกกา (เลียบวงแหวน) 6 กม.
3. วงแหวนกาญจนาภิเษก 6 กม.
4. HomePro ลำลูกกา คลอง 5 6.6 กม.
5. ไทวัสดุ ลำลูกกา 7.5 กม.
6. มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย 8.1 กม.
7. โรงพยาบาลธัญบุรี 9.5 กม.
8. ทางด่วนฉลองรัช (จตุโชติ) 10 กม.
9. โรงพยาบาลซีจีเอช ลำลูกกา 10.3 กม.
10. มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ : 11.9 กม.
11. โรงพยาบาลสินแพทย์ ลำลูกกา 12.4 กม.
12. รถไฟฟ้าสายสีเขียว (สถานีและที่จอดรถ) 13 กม.
13. โรงพยาบาลบางปะกอก รังสิต 2 14.6 กม.
14. สนามบินดอนเมือง 16 กม.

7
หมอออนไลน์: หงอนไก่ (Genital warts/Condyloma acuminata)

หงอนไก่ คือหูดที่เกิดขึ้นที่อวัยวะเพศ มีลักษณะคล้ายหงอนไก่

สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี มักเกิดกับผู้ที่ไม่รู้จักรักษาความสะอาด หรือสุขนิสัยไม่ดี อาจติดต่อโดยเพศสัมพันธ์

ผู้ป่วยเอดส์มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ ซึ่งมักจะขึ้นหลายแห่งและเป็นเรื้อรัง

ระยะฟักตัว 1-6 เดือน


อาการ

หูดที่อวัยวะเพศจะขึ้นเป็นติ่งเนื้องอกอ่อน ๆ สีชมพู ซึ่งลุกลามอย่างรวดเร็ว จนมีลักษณะคล้ายหงอนไก่ หรือดอกกะหล่ำ จึงเรียกว่า โรคหงอนไก่

หูดชนิดนี้ชอบขึ้นตรงบริเวณที่อับชื้นและอุ่น ในผู้ชายมักพบขึ้นที่บริเวณรอบ ๆ ปลายองคชาต ส่วนน้อยอาจขึ้นตรงปลายท่อปัสสาวะ  ส่วนในผู้หญิงอาจขึ้นที่ปากช่องคลอด ในช่องคลอด หรือปากมดลูก


ภาวะแทรกซ้อน

หากปล่อยไว้ อาจลุกลามเข้าไปที่ง่ามขา ทวารหนัก หรือท่อปัสสาวะ (ทำให้เกิดการอุดกั้นทางเดินปัสสาวะได้)

     ระหว่างตั้งครรภ์ หรือมีอาการตกขาว หงอนไก่อาจเจริญงอกงามและแพร่กระจายรวดเร็ว

     ในหญิงตั้งครรภ์ หงอนไก่อาจโตขวางทางคลอดทำให้เด็กคลอดลำบาก หรือเชื้ออาจเข้าไปในปากหรือคอเด็กขณะคลอด ทำให้เกิดหูดในกล่องเสียง เป็นเหตุให้เด็กออกเสียงหรือหายใจไม่ได้ (อาจจำเป็นต้องผ่าตัดเอาก้อนหูดออก)

นอกจากนี้ ผู้หญิงที่เป็นหงอนไก่ที่บริเวณปากมดลูก อาจมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูกมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นโรคเอดส์ หรือมีพฤติกรรมเสี่ยงเพิ่มขึ้น เช่น การสูบบุหรี่ หรือกินยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นเวลานาน ๆ ดังนั้น ผู้หญิงกลุ่มนี้ควรหาทางหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้ และควรตรวจหามะเร็งปากมดลูกระยะแรกเริ่มอย่างน้อยปีละครั้ง


การวินิจฉัย

แพทย์จะทำการวินิจฉัยจากการตรวจพบรอยโรคของหงอนไก่ และการนำเนื้อเยื่อไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ

ในรายเห็นรอยโรคไม่ชัดเจน แพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยใช้กรดอะซีติก (acetic acid) ขนาด 5% ทาตรงตำแหน่งที่ติดเชื้อจะเห็นเป็นบริเวณสีขาวๆ แล้วใช้กล้องส่องตรวจ

สำหรับผู้หญิงที่ตรวจพบว่าเป็นหงอนไก่ (มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก) แพทย์จะทำการตรวจมะเร็งปากมดลูกระยะแรก (ด้วยวิธีแพ็บสเมียร์)


การรักษาโดยแพทย์

ในรายที่มีอาการเล็กน้อยจะให้สังเกตดูอาการ บางรายอาจหายเองได้ภายใน 2 ปี

แต่ถ้ามีรอยโรคมาก หรือมีอาการคัน แสบร้อน หรือเจ็บปวด แพทย์จะให้การรักษาโดยวิธีใดวิธีหนึ่งดังนี้

    ทายาโพโดฟิลลิน (podophyllin) ชนิด 25% แต่จะต้องระวังไม่ให้ถูกเนื้อดี โดยใช้วาสลินทาปิดเนื้อดีโดยรอบไว้ก่อน หลังทายา 4-6 ชั่วโมงควรล้างออก ทาซ้ำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จนกว่าจะหาย ถ้าเกิน 1-2 เดือนแล้วยังไม่หายควรเปลี่ยนเป็นวิธีอื่น วิธีนี้ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ หรือขึ้นบริเวณปากมดลูก หรือในท่อปัสสาวะ
    ใช้ครีมอิมิควิมด (imiquimod) ชนิด 5% ซึ่งเป็นยากระตุ้นภูมิคุ้มกัน ทาก่อนนอนวันเว้นวัน นาน 16 สัปดาห์ ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ หรือขึ้นบริเวณปากมดลูก หรือภายในช่องคลอด
    ทาด้วยกรดไตรคลอโรอะซิติกชนิด 50-70% ซึ่งสามารถใช้ในหญิงตั้งครรภ์
    จี้ด้วยไฟฟ้าหรือไนโตรเจนเหลว
    รักษาด้วยแสงเลเซอร์
    รักษาด้วยการผ่าตัด ในรายที่เป็นหงอนไก่ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหญิงตั้งครรภ์
    ในรายที่ดื้อต่อการรักษาด้วยวิธีดังกล่าว แพทย์อาจให้การรักษาโดยให้ผู้ป่วยกินไซเมทิดีนในขนาดสูง (30-40 มก./กก./วัน) ซึ่งมีฤทธิ์เพิ่มภูมิคุ้มกัน โดยให้นาน 6-8 สัปดาห์ จะช่วยให้หูดยุบหายหมดได้


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีติ่งเนื้องอกอ่อน ๆ สีชมพู ลักษณะคล้ายหงอนไก่ หรือดอกกะหล่ำที่บริเวณอวัยวะเพศ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคหงอนไก่ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    หลังการรักษาแล้ว หากมีอาการปวด แสบ คัน พุเป็นตุ่มน้ำ หรือบวมที่บริเวณรอยโรคไม่ทุเลา ใน 1-2 สัปดาห์
    มีหงอนไก่เกิดขึ้นใหม่

การป้องกัน

    หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับบุคลคลอื่นที่ไม่ใช่คู่ครอง
    หากมีเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ควรใช้ถุงยางอนามัย
    สำหรับผู้หญิงควรฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อเอชพีวี (HPV vaccine) ชนิดที่ป้องกันได้ทั้งโรคหงอนไก่ และมะเร็งปากมดลูก

ข้อแนะนำ

1. สามีหรือภรรยาของผู้ที่มีหงอนไก่ควรให้แพทย์ตรวจ ถ้ามีหงอนไก่ควรรักษาพร้อม ๆ กันไป เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อระหว่างกัน

2. ถ้าพบว่ามีหงอนไก่ขึ้นหลายแห่ง หรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย ควรส่งตรวจเลือดดูว่ามีการติดเชื้อเอชไอวีหรือไม่

8
มอเตอร์โชว์ 2025: All-New Mitsubishi XFORCE HEV หลังขับทดสอบบนถนนจริง น่าใช้แค่ไหน ในงบเริ่มต้น 899,000 บาท

All-New Mitsubishi XFORCE HEV เป็นรถที่ทาง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) เปิดตัวออกมาเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำรถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดในตลาดประเทศไทย โดยเป็นรถคอมแพ็กต์เอสยูวีรุ่นใหม่ล่าสุดของ มิตซูบิชิ ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ เร้าใจกับสมรรถนะ ครบครันด้วยความสะดวกสบาย และเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย จากอีกขั้นของการพัฒนา MITSUBISHI e:MOTION ที่ผสาน 3 เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดของแบรนด์มิตซูบิชิ เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นด้วยสมรรถนะที่เหนือความคาดหมาย ซึ่งก็ได้เข้าร่วมในการทดลองขับครั้งนี้ เพื่อทดสอบสมรรถนะในเส้นทาง ภูเก็ต – พังงา – ภูเก็ต ได้เจอทั้งทางเรียบ, ทางเขา และออฟโรดเบา ๆ พร้อมการทดสอบอัตราสิ้นเปลืองเชิงแข่งขัน จะไปยังไงงั้นไปดูกันเลย 
 
ภาพรวมของ All-New Mitsubishi XFORCE HEV
จัดอยู่ในกลุ่ม B-SUV แต่มีมิติที่ไม่เล็กอย่างที่คิด
เหมาะกับผู้ที่ต้องการรถขับดี เทคโนโลยีครบ โดยไม่ต้องข้ามไปยัง C-SUV

ประสบการณ์การขับขี่
ระบบขับเคลื่อน:
เป็นระบบ Fully Hybrid ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลักในรอบต่ำ
เครื่องยนต์ทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างลื่นไหล
ฟีลลิ่ง:
ขับในเมือง: เงียบและนุ่มเหมือน EV
ขับทางไกล: สมรรถนะตอบสนองดีในช่วง 80-120 กม./ชม.
ความเร็วปลายอาจมีแผ่วเล็กน้อย ขึ้นกับระดับแบตเตอรี่
การเลือกโหมดขับขี่:
มีให้เลือกถึง 7 โหมด เช่น Wet, Mud, Tarmac และ EV Mode
แนะนำ: ใช้ Tarmac เมื่อต้องการฟีลขับสนุกใกล้เคียงโหมด Sport

ช่วงล่างและพวงมาลัย
เซ็ตช่วงล่างได้ดีมาก ให้ความเฟิร์ม กระชับ ไม่โยน
พวงมาลัยน้ำหนักเบาแต่แม่นยำ เหมาะกับการขับในเมืองและทางโค้ง
ระบบช่วยเหลือการขับขี่และความปลอดภัย
ระบบ AYC (Active Yaw Control) ช่วยควบคุมแรงบิดแปรผันระหว่างล้อ
ทำให้การลุยทางฝุ่นหรือโคลนลึกทำได้ดี แม้เป็นขับเคลื่อนล้อหน้า

การใช้งานจริง และอัตราสิ้นเปลือง
ทดลองขับแบบประหยัดทำได้ถึง 48.3 กม./ลิตร (สูงสุด 53.9 กม./ลิตร คือตัวเลขสูงสุดที่สื่อท่านอื่นทำได้ในรอบที่กูรูช้างเข้าร่วมกิจกรรม)
การขับใช้งานทั่วไปในเมือง คาดว่าทำได้ 22–23 กม./ลิตร

ห้องโดยสารและความสะดวกสบาย
พื้นที่กว้างขวางกว่าที่คาด โดยเฉพาะช่องเก็บของและประตู
มี ลมเป่าเบา ๆ สำหรับแถวหลัง
ติดตั้งเครื่องเสียง Yamaha 8 ลำโพง ปรับจูนโดยวิศวกร Yamaha พร้อมแดมป์ประตูมาจากโรงงาน เสียงดีเกินคลาส

การเปรียบเทียบคู่แข่ง
รุ่นเปรียบเทียบ   ข้อได้เปรียบของ All-New Mitsubishi XFORCE HEV
Honda HR-V    ช่วงล่าง หนึบกว่า, ขับสนุกกว่า
Toyota Yaris Cross   แรงกว่า ขับดีกว่า, ตัวท็อปราคาใกล้เคียงแต่ได้เทคโนโลยีมากกว่า
Nissan Kicks   พื้นที่ในห้องโดยสาร X-Force กว้างกว่า

ราคาของ All-New Mitsubishi XFORCE HEV
XFORCE HEV Ignite ราคา 899,000 บาท
XFORCE HEV Ultimate ราคา 1,039,000 บาท
XFORCE HEV Ultimate X ราคา 1,089,000 บาท

การรับประกัน
ระบบไฮบริด: รับประกัน 5 ปี
แบตเตอรี่: รับประกัน 10 ปี

สรุป
All-New Mitsubishi XFORCE HEV คือรถ B-SUV ที่ให้สมรรถนะดีเยี่ยม ช่วงล่างมั่นใจ เทคโนโลยีครบ ขับสนุกในทุกสภาพถนน และยังเหมาะกับการเดินทางไกลหรือทางฝุ่นเบา ๆ ได้สบาย ๆ ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากในงบไม่เกิน 9 แสนถึง 1 ล้านบาท

9
จัดฟันบางนา: การจัดฟันแบบใส ช่วยให้หน้าเรียว ?

การจัดฟันแบบใส เป็นการจัดฟันที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการรักษา และเป็นการจัดฟันรูปแบบใหม่ที่เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการวางแผนการรักษานี่เอง การจัดฟันแบบใส จึงได้รับความนิยมเพราะผลการรักษา ถือว่าเป็นที่น่าพึงพอใจ ด้วยความสะดวกสบายเพราะการจัดฟันแบบใสนั้น สามารถถอดเครื่องมือออกได้ ขณะรับประทานอาหาร ทำให้ผู้เข้ารับการรักษาสามารถรับประทานอาหารได้อย่างหลากหลาย

รวมไปถึงการทำความสะอาดฟัน ก็สามารถทำความสะอาดได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลว่า เครื่องมือการจัดฟันจะหลุดขณะรับประทานอาหาร หรือ ขณะแปรงฟัน จึงช่วยส่งเสริมให้ผู้เข้ารับการรักษามีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี นอกจากนี้ เครื่องมือการจัดฟันแบบใสจะประกอบไปด้วยชุดของเครื่องมือที่ทำจากพลาสติกใสชนิดพิเศษ ที่มีความยืดหยุ่น ซึ่งทำขึ้นมาเฉพาะแต่ละบุคคล สามารถถอดใส่ด้วยตนเองได้ และไม่ทำให้เกิดระคายเคืองแก่ช่องปาก โดยการจัดฟันชนิดนี้ เป็ฯการนำเทคโนโลยีการสร้างภาพสามมิติบนจอคอมพิวเตอร์ มาช่วยในการออกแบบการเคลื่อนตัวของฟัน จึงทำให้การรักษามีความแม่นยำสูงสุด และผู้เข้ารับการรักษาสามารถทราบผลการรักษาและเห็นการเปลี่ยนแปลงของฟันอย่างเห็นได้ชัดก่อนเข้ารับการจัดฟัน

นอกจากการจัดฟันแบบใสนี้ จะช่วยแก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟันแล้วยังสามารถแก้ไขปัญหาในเรื่องของโครงหน้าของผู้เข้ารับการรักษาได้ด้วย หลายคนอาจจะสงสัยว่าการจัดฟันแบบใสนั้น สามารถแก้ไขปัญหาคางยื่น และสามารถทำให้หน้าเรียวเล็กลงได้หรือหรือไม่ ซึ่งปัญหาคางยื่นหรือปัญหาหน้าสั้น อาจจะเป็นปัญหาสำหรับสาวๆหลายคน ที่อาจจะทำให้เกิดความไม่มั่นใจ เลยหันมาเข้ารับการจัดฟันแบบใส เพื่อแก้ไขปัญหาและทำให้กลับมามีหน้าที่สวย โครงหน้าชัดขึ้น โดยปกติแล้วการจัดฟันไม่ว่าจะเป็นการจัดฟันในรูปแบบไหน ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถทำให้หน้าเรียวเล็กลงได้


ซึ่งจะส่งผลให้โครงหน้าดูยาว เรียวขึ้น เพราะการจัดฟันจะสามารถช่วยปรับแก้ไขใบหน้าได้ในอีกหลายๆ รูปแบบ เช่น ริมฝีปากอูมหรือคางยื่น เพราะเมื่อมีการขยับรูปแบบฟัน รูปปากก็จะเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งก่อนเข้ารับการรักษา ทันตแพทย์จะพิจารณาโครงสร้างฟันของผู้เข้ารับการรักษาว่า เมื่อเข้ารับการจัดฟันแล้วจะสามารถแก้ไขโครงหน้าได้ด้วยหรือไม่ ซึ่งสาวๆหลายคนอาจจะเลือกเข้ารับการจัดฟันเพื่อปรับรูปหน้า ให้ดูสวยงาม มีเสน่ห์ เสริมสร้างความมั่นใจให้มากขึ้นด้วย

สำหรับการจัดฟันแบบใส จะมีให้เลือกหลายรูปแบบ ซึ่งเราจะทราบได้อย่างไรว่า การจัดฟันแบบใสเราจะเลือกการจัดฟันแบบใสในรูปแบบใด ให้เข้ากับโครงหน้ากับเรา ซึ่งการจัดฟันแบบใส จะมีด้วยกัน 4 รูป คือ Express, Lite, Moderate และ Comprehensive ซึ่งเป็นโปรแกรมการจัดฟันแบบใสที่สามารถแก้ไขปัญหาตั้งแต่น้อยที่สุดไปจนถึงผู้ที่มีปัญหาฟันที่ค่อนข้างเยอะ ซึ่งก่อนเข้ารับการรักษาทันตแพทย์จะทำการประเมิน โดยจะพิาจารณาจากสภาพฟันของผู้ข้ารับการรักษาว่ามีความเหมาะสมที่จะเข้ารับการจัดฟันแบบใสในรูปแบบใด


โดยทางคลีนิคเราจะมีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟัน จะทำการแนะนำรูปแบบของการจัดฟันแบบใสให้เหมาะกับผู้เข้ารับการรักษา เพื่อให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพพร้อมทั้งยังช่วยเลือกรูปแบบให้เหมาะสมกับผู้เข้ารับการรักษาเพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษา เพราะบางกรณีผู้เข้ารับการรักษาอาจจะไม่ต้องเข้ารับการรักษาในรูปแบบที่มีค่าใช้จ่ายในราคาที่สูงก็สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ดังนั้นหากคุณสนใจ สามารถเข้ารับคำแนะนำกับทางคลินิก ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทางเรายินดีให้คำแนะนำในเรื่องของการบริการทางทันตกรรมทุกรูปแบบ ด้วยประสบการณ์อย่างยาวนานของมีการการันตีถึงความเป็นมืออาชีพ จึงทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่า ทางคลีนิคจะทำให้คุณกลับมามีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

10
หมอประจำบ้าน: มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ (Bladder cancer)

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ พบประมาณร้อยละ 3 ของมะเร็งทั้งหมด พบเป็นอันดับที่ 6 ของมะเร็งในผู้ชาย รองจากมะเร็งต่อมลูกหมาก พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 3 เท่า พบมากในช่วงอายุ 50-70 ปี พบได้น้อยในคนอายุน้อยกว่า 40 ปี
 

สาเหตุ

ยังไม่ทราบแน่ชัด พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งชนิดนี้ ได้แก่

    การสูบบุหรี่ (ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ)
    การทำงานเกี่ยวกับสีย้อมผ้า สีย้อมไม้ หรือสีย้อมหนัง อุตสาหกรรมด้านเสื้อผ้า ยาง สายไฟฟ้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับสารเคมีบางชนิด เช่น อะนิลีน (aniline) สารโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน เป็นต้น
    กระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรังจากก้อนนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือจากการคาสายสวนปัสสาวะนาน ๆ
    การดื่มน้ำที่มีสารหนูเจือปน
    การได้รับรังสีรักษาในบริเวณช่องท้องมาก่อน หรือเกิดจากผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัด เช่น ไซโคลฟอสฟาไมด์ (cyclophosphamide)
    การมีประวัติว่ามีพ่อแม่หรือพี่น้องเป็นโรคนี้หรือมะเร็งชนิดอื่น (เช่น มะเร็งเต้านม มดลูก รังไข่ กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ตับ ถุงน้ำดี ไต กระเพาะปัสสาวะ เป็นต้น) มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะมากกว่าปกติ

อาการ

ระยะแรกมักไม่มีอาการแสดง อาจตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจทางห้องปฏิบัติการ พบเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ

ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมาพบแพทย์ด้วยอาการปัสสาวะเป็นเลือด โดยไม่มีอาการเจ็บปวด บางรายอาจมีเพียงอาการเลือดหยดออกมาตอนปัสสาวะสุด บางครั้งอาจมีอาการคล้ายกระเพาะปัสสาวะอักเสบ คือ ปัสสาวะบ่อย แสบขัดเนื่องจากเลือดที่ออกมาจับเป็นลิ่มในกระเพาะปัสสาวะ

ในระยะลุกลาม มักมีอาการปวดท้องน้อย คลำได้ก้อนที่บริเวณหัวหน่าว และอาการแสดงของภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น ซีด ท่อไตอุดตันจนกลายเป็นไตวาย การแพร่กระจายของมะเร็งไปยังอวัยวะอื่น ๆ


ภาวะแทรกซ้อน

เมื่อก้อนมะเร็งโตขึ้น ทำให้ทางเดินปัสสาวะอุดกั้น (ปวดท้องน้อย ถ่ายลำบากหรือถ่ายไม่ออก) มีเลือดออก (ทำให้ถ่ายปัสสาวะเป็นเลือด โลหิตจาง)

มะเร็งมักลุกลามไปที่อวัยวะข้างเคียง ไปที่อุ้งเชิงกรานและช่องท้อง (ทำให้ปวดกระดูกเชิงกราน ปวดท้อง ท้องมาน) และในระยะท้ายมักแพร่กระจายผ่านกระแสเลือดไปที่ปอด (เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก), ตับ (เจ็บชายโครงขวา ตาเหลืองตัวเหลือง ท้องมาน), กระดูก (ปวดกระดูก กระดูกพรุน กระดูกหัก ปวดหลัง ไขสันหลังถูกกดทับ) และอาจไปที่สมอง (ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก เวียนศีรษะ บ้านหมุน เดินเซ แขนขาชาและเป็นอัมพาต ชัก)

การวินิจฉัย

แพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยการตรวจพบเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะจำนวนมาก และเซลล์มะเร็งในปัสสาวะ หากสงสัยก็จะใช้กล้องส่องตรวจกระเพาะปัสสาวะ (cystoscopy) และตัดชิ้นเนื้อนำไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ

หากพบว่าเป็นมะเร็งก็จะทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีต่าง ๆ (เช่น เอกซเรย์, อัลตราซาวนด์, เอกซเรย์คอมพิวเตอร์, การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า-MRI, การตรวจเพทสแกน- PET scan เป็นต้น) เพื่อประเมินว่าเป็นมะเร็งระยะใด


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การรักษาด้วยการผ่าตัด (อาจหายขาดได้ถ้าเป็นระยะแรกที่มีเพียงรอยแผลตื้น ๆ)

ส่วนในระยะลุกลาม จะรักษาด้วยการผ่าตัด รังสีบำบัด เคมีบำบัด และ/หรือฮอร์โมนบำบัด

ผลการรักษา โดยเฉลี่ยค่อนข้างดี ถ้าเป็นระยะแรกมีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีมากกว่าร้อยละ 80 แต่ถ้าเป็นระยะท้าย (มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น) มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีต่ำกว่าร้อยละ 20


การดูแลตนเอง

หากสงสัย มีอาการเลือดหยดออกมาตอนปัสสาวะสุด, ปัสสาวะเป็นเลือด, มีอาการปัสสาวะบ่อยหรือแสบขัด, ปวดท้องน้อยและคลำได้ก้อนที่บริเวณหัวหน่าว เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเอง
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนที่มีไขมันน้อย (เช่น ปลา ไข่ขาว เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง)
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
    ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งงานอดิเรกที่ชอบ และงานจิตอาสา เท่าที่ร่างกายจะอำนวย
    ทำสมาธิ เจริญสติ หรือสวดมนต์ภาวนาตามหลักศาสนาที่นับถือ
    ถ้ามีโอกาสควรหาทางเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน หรือกลุ่มมิตรภาพบำบัด
    ผู้ป่วยและญาติควรหาทางเสริมสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วย ยอมรับความจริง และใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีและมีคุณค่าที่สุด
    ถ้าหากมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและวิธีบำบัดรักษา รวมทั้งการแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร ยาหม้อ ยาลูกกลอน การนวด ประคบ การฝังเข็ม การล้างพิษ หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการไม่สบายหรืออาการผิดปกติ เช่น มีไข้ อ่อนเพลียมาก หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ชัก แขนขาชาหรืออ่อนแรง ซีด มีเลือดออก ปวดท้อง ท้องเดิน อาเจียน เบื่ออาหารมาก กินไม่ได้ ดื่มน้ำไม่ได้ เป็นต้น
    ขาดยาหรือยาหาย
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล อาจลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะด้วยการปฏิบัติ ดังนี้

    ไม่สูบบุหรี่
    กินผักและผลไม้ให้มาก ๆ
    ดื่มน้ำมาก ๆ ทุกวัน
    ถ้าทำงานเกี่ยวกับสารเคมีที่เป็นสารก่อมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ควรปฏิบัติตามมาตรการลดการสัมผัสสารเคมีอย่างเคร่งครัด

ข้อแนะนำ

1. ผู้ที่มีอาการถ่ายปัสสาวะเป็นเลือด หรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรัง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัด

2. ปัจจุบันมีวิธีบำบัดรักษาโรคมะเร็งใหม่ ๆ ที่อาจช่วยให้โรคหายขาดหรือทุเลา หรือช่วยให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ผู้ป่วยจึงควรติดต่อรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง มีความมานะอดทนต่อผลข้างเคียงของการรักษาที่อาจมีได้ อย่าเปลี่ยนแพทย์ เปลี่ยนโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น หากสนใจจะแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

11
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


12
ปล่อยรถผู้บริหาร Volvo XC60 Ultra T8 Plug-in Hybrid Bright ปี 2025

Volvo XC60 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid Bright (ซึ่งปัจจุบันสำหรับรุ่นปี 2025 อาจถูกเรียกว่า Volvo XC60 Ultra T8 Plug-in Hybrid Bright ในบางตลาด เช่น สหรัฐอเมริกา แต่ในประเทศไทยยังคงใช้ชื่อ Recharge Ultimate อยู่ตามข้อมูลที่พบ) เป็นรถ SUV พรีเมียมขนาดกลางที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยการผสมผสานระหว่างประสิทธิภาพที่ทรงพลัง ความหรูหรา ความปลอดภัย และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากระบบ Plug-in Hybrid

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 19 มิ.ย. - 30 มิ.ย. 2568
ลงทะเบียนผ่าน checkraka รับส่วนลดเพิ่มเติม 50,000 บาท

ราคาพิเศษ 2,890,000 บาท

สนใจสอบถา มรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

ขุมพลังและสมรรถนะ (T8 Plug-in Hybrid)
รุ่น T8 Plug-in Hybrid นี้โดดเด่นด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม:

เครื่องยนต์: เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ พร้อมเทอร์โบชาร์จและซูเปอร์ชาร์จ (บางข้อมูลระบุ 317 แรงม้า)
มอเตอร์ไฟฟ้า: มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง (บางข้อมูลระบุ 143 แรงม้า หรือ 145 ps)
กำลังรวมสูงสุด: เมื่อทำงานร่วมกันทั้งระบบ ให้กำลังรวมสูงสุดถึง 462 แรงม้า (PS) หรือประมาณ 455 แรงม้า (HP) และแรงบิดสูงสุด 709 นิวตันเมตร (Nm)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: ทำได้ในเวลาเพียง 4.8 วินาที ซึ่งจัดว่าเร็วมากสำหรับรถ SUV ในคลาสนี้
ความเร็วสูงสุด: 180 กม./ชม. (จำกัดด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์)
แบตเตอรี่: แบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุประมาณ 18.8 kWh หรือ 19 kWh
ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน: สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึงประมาณ 88.7 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งเพียงพอสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง (รวม): ประมาณ 1.6 ลิตร/100 กม. หรือ 62.5 กม./ลิตร (ตามการคำนวณแบบถ่วงน้ำหนักตามมาตรฐาน)
ระบบขับเคลื่อน: ขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD)


13
จุดไหนของโรงงาน ต้องการฉนวนกันความร้อนที่สุดในหน้าร้อน

ใครก็ตามที่ทำงานโรงงาน หรือเป็นผู้ประกอบการโรงงานย่อมทราบดีอยู่แล้วว่า สภาพบรรยากาศภายในโรงงานนั้นถือได้ว่าร้อนกว่าออฟฟิศปกติทั่วไปมาก ซึ่งการที่มีความร้อนสะสมในโรงงานสูง ๆ นั้น จะส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการทำงานและต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น

ดังนั้นเอง การติดตั้ง “ฉนวนกันความร้อน” ภายในโรงงานจึงเป็นเสมือนกับการอุดรูรั่วไม่ให้กำไรรั่วไหล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหน้าร้อนเมษายนของทุกปี ที่ความร้อนจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นและส่งผลเสียต่อโรงงานมากขึ้นในหลาย ๆ ด้าน โดยพื้นที่เร่งด่วนที่ควรติด ฉนวนกันความร้อน ในหน้าร้อนสำหรับโรงงานนั้น มีดังต่อไปนี้


1.บริเวณหลังคาหลังโรงงาน

หลังคาโรงงานอุตสาหกรรมคือส่วนที่อยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์มากที่สุด และมีขนาดใหญ่เป็นแนวราบไปตามขนาดของโรงงาน ทำให้ตลอดทั้งกลางวันนั้นดูดซับความร้อนสะสมเอาไว้เป็นจำนวนมาก ยิ่งในช่วงหน้าร้อนที่กลางวันยาวนานกว่ากลางคืน และอุณหภูมิสูงกว่าช่วงฤดูกาลอื่น ๆ ก็ยิ่งทำให้หลังคาโรงงานต้องสะสมความร้อนเอาไว้มากกว่าปกติ

ดังนั้น หากบริเวณหลังคาโรงงานซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นหลังคาเมทัลชีทที่ดูดความร้อนนำความร้อนได้ดี ไม่มีการเสริม ฉนวนกันความร้อนสำหรับหลังคาโรงงาน เอาไว้ ความร้อนก็จะทะลุเข้าส่วนตัวโรงงานและทำให้เครื่องจักรทำงานหนักขึ้น พนักงานทำงานได้ประสิทธิภาพด้อยลงมากขึ้นเท่านั้น


2.บริเวณระบบปรับอากาศ

แน่นอนว่าเมื่อโรงงานร้อน สิ่งที่จะทำให้ทุกคนทำงานกันได้ในบรรยากาศที่ดีขึ้นก็คือเปิดแอร์ ยิ่งร้อนเท่าไร เครื่องปรับอากาศภายในโรงงานทั้งหมดก็จะยิ่งทำงานหนักมากเท่านั้น แต่ในความเย็นที่ระบบปรับอากาศให้ได้ ก็ต้องแลกมาด้วยการทำงานของระบบปรับอากาศที่หนักขึ้น และคายความร้อนออกมามากขึ้นกว่าเดิม เหมือนเวลาที่เราไปยืนตรงคอมเพลสเซอร์แอร์แล้วมีไอร้อนออกมานั่นเอง

ด้วยเหตุนี้ ในระบบปรับอากาศของโรงงานซึ่งมักมีขนาดใหญ่และซับซ้อนกว่าเครื่องปรับอากาศทั่วไป ก็จำเป็นต้องมีการติดตั้ง ฉนวนกันความร้อนสำหรับงานระบบปรับอากาศ เอาไว้ด้วย เพื่อช่วยลดความร้อนที่ระบายออกมาจากระบบปรับอากาศ และช่วยแบ่งเบาภาระให้ระบบปรับอากาศยังคงทำงานได้อย่างเป็นปกติ ไม่หนักเกินไปจนเสียหายชำรุดพังได้ง่ายกว่าปกติ



3.บริเวณห้องเครื่องจักรอุณหภูมิสูง

ถือเป็นอีกจุดสำคัญเลยที่ต้องการฉนวนกันความร้อน เพราะห้องเครื่องจักรอุณหภูมิสูงนั้น หากได้รับการสะสมความร้อนจากภายนอกเพิ่มเติมมาก ๆ โดยที่ไม่ได้มีการป้องกัน ลด หรือระบายความร้อนออกเลย โอกาสที่เครื่องจักรจะทำงานหนักเกินไปจนเกิดการ Over Heat ก็มีสูง ซึ่งถือว่าไม่ใช่สิ่งที่ควรเสี่ยง เพราะหากเกิดความขัดข้องขึ้นกับเครื่องจักรที่เป็นกำลังหลักในกระบวนการผลิต จะไม่เพียงแค่เรื่องค่าซ่อมแซมเท่านั้น

แต่นั่นหมายความว่ากระบวนการผลิตต้องหยุดชะงัก ทำให้เกิดความสูญเสียอย่างประเมินมูลค่าไม่ได้ หรือหากเกิดความร้อนจนกลายเป็นอุบัติเหตุขึ้น ก็อาจไม่ใช่แค่ความเสียหายต่อทรัพย์สินเท่านั้น แต่อาจลุกลามไปถึงความเสียหายในเรื่องของชีวิตและความปลอดภัยพนักงานรวมถึงคนในชุมชนด้วย ดังนั้น สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมใดก็ตามที่มีเครื่องจักรที่ทำงานภายใต้อุณหภูมิสูงล่ะก็ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องติดฉนวนกันความร้อนที่ห้องเครื่องจักรนั้น

ฉนวนกันความร้อน ถือเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าร้อนนั้นถือว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ควรตรวจสอบดูแลพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสะสมความร้อนสูงภายในโรงงานให้ดี ให้เราได้มีเตรียมตัวป้องกันความเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าไฟที่สูงขึ้น เครื่องจักรทำงานหนักเกินไป หรืออุบัติเหตุที่ทำให้พนักงานทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ สำหรับฉนวนกันความร้อนโรงงานนั้น ในการเลือกใช้แต่ละจุดพื้นที่ก็จำเป็นต้องเลือกให้เหมาะสมด้วย เพราะฉนวนแต่ละแบบก็มีคุณสมบัติเฉพาะที่แตกต่างกัน ซึ่ง ฉนวนกันความร้อน คือหนึ่งในตัวเลือกที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการโรงงานได้มากที่สุด เพราะมีแยกให้เลือกใช้อย่างชัดเจนครอบคลุมทุกลักษณะการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น ฉนวนกันความร้อนสำหรับงานหลังคา งานทนอุณหภูมิสูง หรือว่างานระบบปรับอากาศ

14
บริการทำความสะอาด: เทคนิคกำจัดขนสัตว์ในพรม

ในเรื่องของความสะอาดภายในบ้านนั้น ส่งผลต่อสุขภาพของคนในครอบครัวยิ่งถ้ามีฝุ่นสะสมเป็นจำนวนมาก อาจจะทำให้เกิดปัญหาโรคภูมิแพ้ได้ ดังนั้น ความสะอาดภายในบ้านของเราเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บ้านน่าอยู่  มีบรรยากาศที่ดีมากขึ้น การทำความสะอาด ปัดกวาด เช็ดถูเป็นประจำ ยังช่วยทำให้เครื่องเรือนเครื่องใช้ปราศจากความสกปรก และยังยืดอายุการใช้งานได้อีกด้วย แม้แต่บริเวณบ้าน รั้ว สนาม ทางเดินเข้าบ้านสะอาด ร่มรื่น ปราศจากขยะมูลฝอยต่าง ๆโดยเฉพาะในบ้าน ซึ่งเป็นจุดที่อยู่อาศัยของเรา จำเป็นต้องมีอากาศที่ถ่ายเทได้สะดวก ปราศจากฝุ่น ที่เป็นต้นเหตุของปัญหาสุขภาพ นอกจากนี้ การจัดบ้านให้น่าอยู่เป็นระเบียบ ยังทำให้มีความปลอดภัยจากอุบัติเหตุต่าง ๆ ได้ด้วย

เชื่อว่าหลายบ้านมีการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง ซึ่งการเลี้ยงสัตว์ก็เป็นความชอบส่วนตัวของแต่ละบุคคลบางคนเลี้ยงไว้แต่ให้อยู่นอกบ้าน หรือบางคนก็ชื่นชอบสัตว์เลี้ยงและให้สัตว์เลี้ยงเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านร่วมกับคนในบ้าน ทำให้ขนสัตว์เลี้ยงแสนรักของเราฟุ้งกระจายไปทั่วบ้าน บางครั้งอาจจะมีขนสัตว์ติดอยู่ตามเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆภายในบ้านซึ่งทำให้ดูแล้วอาจจะไม่น่ามอง โดยเฉพาะบนพรมผืนโปรดของเรา อาจจะทำให้มีขนสัตว์ติดตามพรมเป็นจำนวนมากและยังทำความสะอาดออกได้อยากอีกด้วย

ดังนั้น วันนี้เรามีเทคนิคในการกำจัดขนสัตว์เลี้ยงของเราออกจากพรม ซึ่งต้องบอกว่า ปัญหาขนสัตว์ภายในบ้านนั้น เป็นปัญหาใหญ่ที่เราไม่ควรมองข้ามเพราะอาจจะเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคภูมิแพ้ได้นั่นเอง
การกำจัดขนสัตว์บนพรม

        ใช้ฟองน้ำ ชุบน้ำบิดพอหมาดๆมาซับจะสามารถซับขนสุนัขออกได้โดยง่าย
        ใช้ลูกกลิ้งเอนกประสงค์เป็นวิธีกำจัดขนแมวและขนสุนัขที่ร่วงได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วที่สุด โดยลูกกลิ้งเอนกประสงค์สามารถใช้ได้กับพื้นผิวที่ทำจากผ้า
        เช่น เสื้อผ้า ผ้าขนหนู พื้นพรม หรือเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่ผลิตจากผ้า
        ถ้าหากขนสัตว์ร่วงมากๆ การสวมถุงมือยางแล้วชุบน้ำให้เปียกพอหมาดๆ จากนั้นให้ถูลงบนบริเวณขนที่ร่วงไปมาก็สามารถกำจัดขนสุนัขหรือขนแมวได้เช่นกัน หรือจะใช้การกำจัดขนด้วยลูกกลิ้ง

ซึ่งเป็นวิธีพื้นฐานในการกำจัดขนสัตว์เลี้ยงจากพื้นที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าเวลาที่จะออกไปนอกบ้านหรือ บริเวณเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ของบ้าน ซึ่งเป็นวิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดแถมยังหาซื้อได้ง่ายอีกด้วย แต่เราก็สามารถทำขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง โดยเริ่มจากนำเทปกาวอย่างหนามาพันไว้ที่ หัวของลูกกลิ้งทาสีอันเก่าที่ไม่ได้ใช้งานแล้วให้ทั่วหัวลูกกลิ้ง  แล้วนำไปกลิ้งตามจุดที่มีขนสัตว์เลี้ยงให้หมดแค่นี้ก็ประหยัดได้มากขึ้น และผลที่ได้ก็ดีไม่ต่างจากเดิมจริงๆ

อย่างไรก็ตาม เราก็ยังสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆที่จะช่วยในการกำจัดขนสัตว์ได้เช่นกันอย่าง สเปรย์น้ำยาปรับผ้านุ่ม การใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มทำความสะอาดขนสัตว์เลี้ยง สามารถทำได้โดยการผสมน้ำเปล่ากับน้ำยาปรับผ้านุ่มในปริมาณที่เท่า ๆ กัน แล้วเทใส่ขวดสเปรย์ นำไปฉีดบริเวณที่มีขนสัตว์เลี้ยง  จากนั้นใช้ผ้าสะอาดเช็ดออกขนสัตว์ก็จะหลุดออกมาอย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อยเลย

แต่ปัญหาพวกนี้ก็จะหมดไป ถ้าหากเราลงทุนซื้อผ้ารองเบาะ ที่ทำจากเนื้อผ้าทำจากโพลีเอสเตอร์เคลือบ PVCซึ่งมีเนื้อผ้ามีความเหนียวทำให้ป้องกันการขีดข่วนได้เป็นอย่างดี และขาดยากมากก็จะช่วยให้ขนสัตว์ที่ติดตามพรมหรือเฟอร์นิเจอร์ลดลงได้นั่นเอง แถมยังทำความสะอาดได้ง่ายเพียงใช้แปรงชุบน้ำสบู่ ขัดเฉพาะจุด แล้วล้างน้ำออก ตากไม่นานก็แห้งโดยมีสัตว์เลี้ยงของคุณไม่ต้องไปนอนบนพรมทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวได้

ทั้งนี้ ทางเราอยากให้ทุกคนได้มีสิ่งแวดล้อมที่ดี ทางเรามีบริการทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ ทำความสะอาดบ้าน เพราะส่วนใหญ่เรามักจะใช้ชีวิตในอยู่ในบ้านหรืออาคารเป็นส่วนใหญ่ และยิ่งมีจำนวนคนมาก ก็ยิ่งต้องทำความสะอาดให้บ่อยๆ นั่นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความสะอาด ก็จะทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์และสะอาดเข้าไปก็จะทำให้เรามีสุขภาพที่ดี สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้สดชื่น สบายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การที่มีสิ่งแวดล้อมที่ดี มีความสะอาดและปลอดภัยก็จะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น

15
ตรวจสุขภาพ: พิษคางคก (Toad poisoning/Bufotoxins poisoning)

ต่อมเมือกใกล้หู (parotid gland) ของคางคกจะขับเมือก (เรียกว่า ยางคางคก) ที่มีสารพิษ (bufotoxins/toad toxins) ซึ่งประกอบด้วยสารเคมีหลายชนิดที่มีผลต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ที่สำคัญ คือ กลุ่มดิจิทาลอยด์ ซึ่งออกฤทธิ์คล้ายดิจิทาลิส ทำให้เกิดพิษร้ายแรงต่อหัวใจถึงเสียชีวิตได้

นอกจากนี้ ยังมีสารสำคัญอื่น ๆ เช่น กลุ่มคาเทโคลามีน (catecholamines) ที่มีผลต่อหัวใจและหลอดเลือด และกลุ่มอินโดลไคลามีน (indolekylamines) ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้มีอาการประสาทหลอน

พิษมีอยู่ในหนัง เลือด ไข่ และเครื่องในของคางคกแทบทุกชนิดที่มีในบ้านเรา พิษมีความทนต่อความร้อน การบริโภคคางคกที่ทำให้สุกแล้วก็เกิดพิษได้

เด็กจะทนต่อพิษคางคกได้มากกว่าผู้ใหญ่

ในบ้านเรามีรายงานผู้ที่ป่วยและตายจากการบริโภคคางคกเป็นครั้งคราว

สาเหตุ

เกิดจากการบริโภคคางคกพิษโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการแสดงคล้ายได้รับพิษดิจิทาลิสเกินขนาด อาการจะเกิดขึ้นช้า ๆ หลังจากกินคางคกหลายชั่วโมง แรกเริ่มจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน บางรายอาจมีอาการปวดท้อง ท้องเดินร่วมด้วย

ต่อมาจะอาการอ่อนเพลีย เวียนศีรษะ เห็นภาพเป็นสีเหลือง มีอาการเปลี่ยนแปลงของระดับสติ เริ่มจากอาการสับสน เพ้อ ง่วงซึม มีอาการประสาทหลอน หรืออาการทางจิต จนในที่สุดมีอาการชัก หมดสติ

ที่ร้ายแรง คือ หัวใจเต้นช้าและเต้นผิดจังหวะ ในที่สุดเกิดภาวะหัวใจห้องล่างเต้นระรัว (ventricular fibrillation) และเสียชีวิตในเวลารวดเร็วจากภาวะหัวใจวายหรือการไหลเวียนล้มเหลว


ภาวะแทรกซ้อน

ที่สำคัญ คือ ภาวะหัวใจห้องล่างเต้นระรัว (ventricular fibrillation) ซึ่งเป็นสาเหตุการตายของโรคนี้

นอกจากนี้มักมีภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

มักตรวจพบชีพจรเต้นช้ากว่า 40 ครั้ง/นาที

ในระยะรุนแรง จะพบอาการชัก หมดสติ คลำชีพจรไม่ได้


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะวินิจฉัยโรคนี้จากลักษณะอาการและประวัติการกินคางคกเป็นสำคัญ ในบางแห่งอาจทำการตรวจหาสารดิจิทาลิสในเลือด และมักจะทำการติดตามประเมินอาการด้วยการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และตรวจหาระดับโพแทสเซียมเป็นระยะ ๆ

การรักษา ให้การรักษาขั้นพื้นฐาน (อ่านเพิ่มเติมที่ "การรักษาขั้นพื้นฐาน (ที่สถานพยาบาล) สำหรับผู้ป่วยที่กินสัตว์หรือพืชพิษ" ด้านล่าง) ถ้าพบว่าคลำชีพจรไม่ได้หรือหยุดหายใจให้ทำการกู้ชีพ

นอกจากนี้จะให้การรักษาแบบประคับประคอง เช่น ในรายที่ชีพจรเต้นช้าให้อะโทรพีน ถ้าไม่ได้ผล อาจต้องใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ (pacemaker)

ในรายที่ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะให้ยาแก้ไข เช่น ลิโดเคน (lidocaine) เฟนิโทอิน ควินิดีน อะมิโอดาโรน (amiodarone) เป็นต้น

ในรายที่มีระดับโพแทสเซียมในเลือดสูง ให้การรักษาด้วยการฉีดโซเดียมไบคาร์บอเนต กลูโคส และอินซูลิน

ถ้ามี digitalis FAB antibody ควรรีบให้ยานี้ทันที ซึ่งจะช่วยให้พิษหมดเร็ว และรอดชีวิตได้

การรักษาขั้นพื้นฐาน (ที่สถานพยาบาล) สำหรับผู้ป่วยที่กินสัตว์หรือพืชพิษ

1. ถ้าผู้ป่วยกินสัตว์หรือพืชพิษมาไม่เกิน 1 ชั่วโมง และยังไม่อาเจียน รีบทำให้ผู้ป่วยอาเจียนด้วยการให้ไอพีเเคกน้ำเชื่อมหรือใช้นิ้วล้วงคอ

2. ให้ผู้ป่วยกินผงถ่านกัมมันต์ (activated charcoal) ขนาด 1 กรัม/กก. โดยผสมน้ำ 1 แก้ว โดยให้ผู้ป่วยดื่มเอง ถ้าอาเจียนหรือดื่มเองไม่ได้ ให้ป้อนผ่านท่อสวนกระเพาะ (stomach tube) ถ้าผู้ป่วยหมดสติ ควรใส่ท่อช่วยหายใจก่อนเพื่อป้องกันการสำลัก

ควรให้เร็วที่สุดเมื่อพบผู้ป่วย (วิธีนี้จะได้ผลมากที่สุดเมื่อให้กินภายใน 30 นาทีหลังกินสัตว์หรือพืชพิษ) ไม่ควรให้ก่อนหรือหลังให้ยาที่ทำให้อาเจียน

ในรายที่รับพิษร้ายเเรง เช่น ปลาปักเป้า แมงดาถ้วย เห็ดพิษร้ายแรง หรือสงสัยรับพิษปริมาณมาก ควรให้ซ้ำทุก 4 ชั่วโมง

3. ทำการล้างกระเพาะอาหารด้วยน้ำเกลือนอร์มัลหรือน้ำ

วิธีนี้จะได้ผลดี เมื่อผู้ป่วยกินสารพิษมาไม่เกิน 1 ชั่วโมง และไม่มีอาการอาเจียน ถ้าทำหลังกินสารพิษมากกว่า 4 ชั่วโมง อาจไม่ได้ประโยชน์และไม่คุ้มกับผลข้างเคียง (ที่สำคัญคือ การสำลักเข้าปอดทำให้ปอดอักเสบ)

ควรกระทำโดยบุคลากรที่ชำนาญ และในที่ที่มีความพร้อม

ไม่จำเป็นต้องทำ ถ้าผู้ป่วยมีอาการอาเจียนมาก และห้ามทำในผู้ป่วยชัก ไม่ค่อยรู้ตัว หมดสติ

อาจให้ผงถ่านกัมมันต์กินก่อนล้างกระเพาะ หรือผสมผงถ่านกัมมันต์ในน้ำล้างกระเพาะก็ได้

4. ให้ผู้ป่วยดื่มโซเดียมไบคาร์บอเนต ขนาด 2-5% จำนวน 50 มล.

5. ให้กินยาระบาย ซอร์บิทอล (sorbitol) ขนาด 70% อาจกินเดี่ยว ๆ หรือผสมกับผงถ่านกัมมันต์แทนน้ำก็ได้ ถ้าไม่มีอาจให้ยาระบายอื่น ๆ เช่น ยาระบายแมกนีเซีย (Milk of Magnesia) แทน ให้ได้ไม่เกิน 2 ครั้ง

ห้ามทำ ในรายที่มีอาการถ่ายท้องมากอยู่แล้ว หรือมีภาวะขาดน้ำที่ยังไม่ได้รับการทดแทน

6. ให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ

7. ถ้าชักฉีดไดอะซีเเพม 5-10 มก.เข้าหลอดเลือดดำ

8. ถ้าหยุดหายใจหรือหายใจไม่ได้ ให้ทำการช่วยเหลือด้วยการเป่าปาก หรือใช้เครื่องช่วยหายใจ

9. ถ้าหมดสติ ให้การรักษาแบบหมดสติ


การดูแลตนเอง

หากสงสัยว่าผู้ป่วยเกิดอาการพิษคางคก ควรทำการปฐมพยาบาลแล้วรีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที

การปฐมพยาบาล สำหรับผู้ป่วยที่กินสารพิษ สัตว์พิษ หรือพืชพิษ

1. รีบทำให้ผู้ป่วยอาเจียน เพื่อขับพิษออก

    ถ้ามียากระตุ้นอาเจียน ได้แก่ ไอพีแคกน้ำเชื่อม (syrup ipecac) ให้กินครั้งละ 15-30 มล. (เด็กโต 15 มล.) และดื่มน้ำตามไป 1 แก้ว ถ้ายังไม่อาเจียนใน 20 นาที กินซ้ำได้อีก 1 ครั้ง
    ถ้าไม่มียา ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำ 1 แก้ว แล้วใช้นิ้วล้วงเข้าไปเขี่ยที่ผนังลำคอกระตุ้นให้อาเจียน ถ้าไม่ได้ผลทำซ้ำอีกครั้ง

ควรเก็บเศษอาหารที่อาเจียน ไว้ส่งตรวจวิเคราะห์

วิธีนี้จะได้ผลดี ต้องรีบทำภายใน 1 ชั่วโมงหลังกินสารพิษ และไม่ต้องทำหากผู้ป่วยมีอาการอาเจียนเองอยู่แล้ว

ห้ามทำ ในผู้ป่วยที่ชัก ไม่ค่อยรู้ตัวหรือหมดสติ หรือกินกรด ด่าง น้ำมันก๊าด ทินเนอร์ หรือสารพิษไม่ทราบชนิด

2. ถ้ามีผงถ่านกัมมันต์ (activated charcoal) ให้กินขนาด 1 กรัม/กก. โดยผสมน้ำ 1/2-1 แก้ว เพื่อลดการดูดซึมสารพิษเข้าร่างกาย (ไม่ต้องทำถ้าผู้ป่วยกินกรด ด่าง น้ำมันก๊าด ทินเนอร์)

ถ้าไม่มีผงถ่านกัมมันต์ ให้กินไข่ดิบ 5-10 ฟอง หรือดื่มนมหรือน้ำ 4-5 แก้ว

3. สำหรับผู้ป่วยที่กินพาราควอต ให้กินสารละลายดินเหนียว (Fuller’s earth) โดยผสมผงดินเหนียว 150 กรัม หรือ 2 1/2 กระป๋อง ในน้ำ 1 ลิตร ถ้าไม่มีให้ดื่มน้ำโคลนดินเหนียวจากท้องร่องในสวน (ที่ไม่มีตะปูหรือเศษแก้ว หรือสารพิษตกค้าง) ซึ่งจะลดพิษของยานี้ได้

4. สำหรับผู้ที่กินปลาปักเป้า แมงดาถ้วย ปลาทะเลพิษ หอยทะเลพิษ เห็ดพิษ ให้ดื่มโซเดียมไบคาร์บอเนตขนาด 2-5% จำนวน 50 มล. (อาจเตรียมโดยผสมผงฟู 1-2.5 กรัม ในน้ำ 50 มล.) ซึ่งจะช่วยลดพิษของอาหารพิษได้

ห้ามทำ ข้อ 2-4 ถ้าผู้ป่วยชัก ไม่ค่อยรู้ตัวหรือหมดสติ

5. ถ้าผู้ป่วยมีภาวะขาดน้ำ ให้ดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ หรือให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ

6. ถ้าผู้ป่วยชักหรือหมดสติ ให้ทำการปฐมพยาบาลเช่นเดียวกับผู้ป่วยชัก (อ่านใน "โรคลมชัก" เพิ่มเติม) หรือหมดสติ (อ่านใน "อาการหมดสติ" เพิ่มเติม)

7. รีบพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาล ควรนำสารพิษที่ผู้ป่วยกินหรืออาเจียนออกมาไปให้แพทย์ตรวจวิเคราะห์ด้วย


การป้องกัน

1. หลีกเลี่ยงการกินคางคกทุกชนิด ไม่ว่าจะปรุงหรือเตรียมให้สุกด้วยวิธีใด ๆ ก็ตาม

2. หลีกเลี่ยงการกินยาจีนหรือยาแผนโบราณที่มีส่วนประกอบของคางคกผสม

ข้อแนะนำ

การรับพิษคางคกส่วนใหญ่เกิดจากการกินคางคกด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่มีรายงานว่าในสหรัฐอเมริกามีผู้ที่ป่วยด้วยพิษคางคกจากการกินยาจีนที่ทำจากหนังคางคก (เชื่อว่าเป็นยาบำรุงทางเพศ)* ดังนั้นจึงควรมีความระมัดระวังในการใช้ยาแผนโบราณเป็นอย่างยิ่ง

หน้า: [1] 2 3 ... 37





















































อยากขายของดี
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
ขายสินค้าไม่สต๊อกสินค้า
เริ่มขายของออนไลน์
รับทำ seo ด่วน
smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
ไม่รู้จะขายอะไรดี

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
โพสกระตุ้นยอดขาย
วิธีกระตุ้นยอดขาย เซลล์
วิธีแก้ปัญหายอดขายตก
เริ่มต้นขายของ
แหล่งรับของมาขายออนไลน์
ขายของออนไลน์อะไรดี
อยากขายของออนไลน์
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี

กลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
วิธีการหาลูกค้าของ sale
ทำ SEO ติด Google
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี
วิธีหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
การหาลูกค้าใหม่ รักษาลูกค้าเก่า
ช่องทางการเข้าถึงลูกค้า
เพิ่มฐานลูกค้าใหม่
รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด

โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
ทําไงให้ลูกค้าเข้าร้านเยอะ ๆ
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
เคล็ดลับขายของดี
ค้าขายไม่ดีทำอย่างไรดี
งานโพสโปรโมทงาน
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
หากลยุทธ์เพิ่มยอดขาย