แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 46
1
รู้เรื่องขนย้าย เลือกใช้ให้ถูกประเภท กับ รถรับจ้างขนของอุดรธานี

ขนย้ายให้เป๊ะ ใช้ให้ถูก ประหยัดเงิน ประหยัดเวลา ไม่เสียแรงเปล่า การขนย้ายของไม่ใช่แค่การยกของใส่รถแล้วไปส่งเท่านั้น แต่คือกระบวนการที่ต้องใช้การวางแผน เลือกบริการให้เหมาะสมกับประเภทของสิ่งของ ระยะทาง เวลา และงบประมาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ นักเรียน นักศึกษา และวัยทำงาน ที่ต้องขยับขยายชีวิตไปตามจังหวะชีวิตใหม่ การขนของกลายเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าจัดการไม่ดี ก็อาจเหนื่อยฟรีหรือเสียเงินเกินจำเป็นได้เลยทีเดียว แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ขนของแบบไหนถึงจะเหมาะกับเรา? มารู้เรื่องขนย้าย ไปพร้อมกับเรา รถรับจ้างอุดรธานี แล้วเลือกใช้ให้ถูกประเภท จะได้ขนของอย่างมั่นใจ ไม่เสียเงิน และแรงฟรีค่ะ

  ประเภทของการขนย้ายที่ควรรู้

1. ขนย้ายแบบ DIY (Do It Yourself)

เหมาะกับ นักเรียน-นักศึกษาที่ไม่ต้องการใช้ บริการรถรับจ้าง และมีของไม่เยอะ วัยทำงานที่มีรถยนต์ส่วนตัว คนที่อยากประหยัดค่าใช้จ่าย แน่นอนว่าข้อดีคือ ความประหยัดงบที่สุด และสามารถควบคุมเวลาได้เอง สบายใจเรื่องการจัดของส่วนตัว แต่วิธีการนี้นั้นทำให้คุณเหนื่อย! โดยเฉพาะถ้าของเยอะหรือชิ้นใหญ่ จำเป็นต้องดำเนินการเองทั้งหมดค่ะ เสี่ยงต่อการทำของเสียหายถ้าไม่แพ็คดีให้ดี ใช้เวลานาน และอาจต้องขนหลายรอบค่ะ

เคล็ดลับ : ใช้กล่องพลาสติกแข็งแรง แพ็คของชิ้นเล็กไว้ด้วยกัน และพยายามขนของช่วงเช้าเพื่อลดอากาศร้อนและรถติด

2. บริการรถรับจ้างทั่วไป

ไม่ว่าใครๆ ก็สามารถขนย้ายได้ ขนของเข้าหอพักใหม่ ขนของกลับบ้านช่วงปิดเทอม ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์มือสอง ทุกอย่างใช้บริการ รถรับจ้างทั่วไป ได้ ข้อดีคือ ราคาไม่แพงมาก (โดยเฉพาะถ้าเลือกแบบไม่รวมคนยกของ) เหมาะกับของขนาดกลางถึงใหญ่ หารถได้ง่ายผ่านแอป เวปไซต์ หรือกลุ่ม Facebook

ข้อควรระวัง :

    ต้องนัดเวลาให้ชัดเจน
    ควรตรวจสอบชื่อเสียงของคนขับ (อ่านรีวิว หรือแนะนำจากเพื่อน)
    บางรายไม่รวมบริการขนของขึ้น-ลง

เคล็ดลับ : ต่อรองราคาให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน และถ่ายภาพของทุกชิ้นไว้ก่อนขนย้ายเพื่อความปลอดภัย

3. บริการขนย้ายมืออาชีพ

สำหรับใครที่ต้องการ ย้ายบ้าน หรือคอนโด วัยทำงานที่ไม่มีเวลาขนเอง ต้องขนของมีมูลค่า เช่น คอมพิวเตอร์ เปียโน เครื่องเสียง รถรับจ้างอุดรธานี รถรับจ้างมืออาชีพช่วยคุณได้ ข้อดีของการใช้บริการขนย้ายมืออาชืพ

    มีทีมงานจัดการให้ทุกขั้นตอน (แพ็คของ ยกของ ขนย้าย)
    ประกันของเสียหาย
    ทำงานเป็นระบบ ประหยัดเวลามาก

แต่ก็มีข้อควรระวัง

    ราคาสูงกว่าการขนย้ายทั่วไป
    ต้องจองล่วงหน้า
    อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มภายหลังถ้าไม่ได้ตกลงรายละเอียดให้ชัดเจน

เคล็ดลับ : เลือกบริษัทที่มีใบอนุญาตชัดเจน มีรีวิวเยอะ และให้บริการประเมินราคาหน้างานฟรี

4. บริการส่งของผ่านขนส่งเอกชน/ไปรษณีย์

ถ้าของที่คุณจำเป็นต้องขนส่ง ไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก หรือไม่ได้ต้องการความรวดเร็ว รถรับจ้างอุดรธานี ต้องบอกว่าทางเลือก บริการส่งของผ่านขนส่งเอกชน/ไปรษณีย์ ก็เป็นทางเลือกที่เหมาะสมค่ะ เช่น ส่งกล่องของกลับบ้าน ส่งเอกสารที่ไม่ต้องรีบ ส่งของชิ้นเล็กๆ ที่รวมกันได้ไม่ได้มีน้ำหนักเยอะ

ข้อดี :

    มีสาขาเยอะ ส่งได้ทุกที่ทั่วประเทศ
    เหมาะสำหรับของชิ้นไม่ใหญ่มาก
    ราคาย่อมเยาเมื่อเทียบกับบริการย้ายบ้าน

ข้อควรระวัง :

    ของอาจชำรุดหากแพ็คไม่ดี
    ต้องวัดขนาดและน้ำหนักให้เป๊ะ
    บางบริการใช้เวลานานกว่าคาด

เคล็ดลับ : ใช้กล่องสองชั้น พร้อมกันกระแทก และเขียนที่อยู่ให้ชัดเจนทั้งต้นทางและปลายทาง

วิธีเลือกให้ถูกประเภท
ลองถามตัวเองง่าย ๆ ก่อนว่า :

    ขนอะไรบ้าง? (เล็ก กลาง ใหญ่ หรือผสมกัน)
    ขนไปไหน? (ใกล้-ไกล, มีบันไดไหม)
    งบเท่าไหร่? (ถ้างบน้อย ต้องวางแผนให้ดี)
    มีแรงคนช่วยไหม? (ขนเองได้หรือไม่)
    ของต้องปลอดภัยแค่ไหน? (ของพังไม่ได้ หรือพังได้บ้าง?)

เมื่อได้คำตอบครบแล้ว การเลือกใช้บริการที่ “ถูกประเภท” ก็จะง่ายขึ้นทันที! เช่น ถ้าคุณเป็นนักศึกษาที่จะย้ายหอช่วงเปิดเทอม แถมมีตู้เย็นและเตียงเหล็ก คุณอาจต้องเลือก รถรับจ้างอุดรธานี ที่มีคนช่วยยกของ แต่ถ้าแค่จะส่งกล่องเสื้อผ้ากลับบ้านช่วงปิดเทอม ใช้แค่ ขนส่งเอกชนก็เพียงพอค่ะ

การขนย้ายจะไม่ใช่เรื่องวุ่นวายอีกต่อไป หากเรา รู้จักประเภทของการขนย้าย และ เลือกใช้ให้ถูกกับสถานการณ์ เพราะทุกวิธีมีข้อดี ข้อเสีย และจุดเด่นต่างกันไป สำหรับคนที่กำลังมีแผนจะขนย้าย ไม่ว่าจะเป็นจากหอไปคอนโด จากบ้านไปต่างจังหวัด หรือเริ่มงานใหม่ในเมืองใหญ่ รถรับจ้างอุดรธานี พร้อมเป็นตัวช่วยให้การขนย้ายเป็นเรื่องง่ายขึ้นค่ะ



2
ไอเดียแต่งบ้านสไตล์นอร์ดิก ของตกแต่งบ้านดีไซน์เรียบง่าย สบายตา บรรยากาศอบอุ่น

การแต่งบ้านสไตล์นอร์ดิก (Nordic Style) คือการสร้างสรรค์พื้นที่ที่ เรียบง่าย สบายตา และเต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของปรัชญา "Hygge" (ฮุกกะ) ของชาวสแกนดิเนเวีย ที่เน้นความสุขสบายและผ่อนคลายในบ้าน


นี่คือไอเดียสำหรับแต่งบ้านสไตล์นอร์ดิก ที่เน้นดีไซน์เรียบง่าย สบายตา และอบอุ่นครับ

1. เน้นแสงสว่างธรรมชาติให้เต็มที่

หัวใจของสไตล์นอร์ดิกคือ แสงสว่าง เพราะประเทศแถบสแกนดิเนเวียมีช่วงกลางวันสั้น

สีผนัง: ทาสีผนังด้วย สีขาวสะอาด หรือ สีเทาอ่อน ซึ่งช่วยสะท้อนแสงและทำให้ห้องดูกว้างขวาง โปร่งสบาย

หน้าต่าง: พยายามเปิดรับแสงธรรมชาติให้มากที่สุด หากจำเป็นต้องมีผ้าม่าน ควรเลือก ผ้าม่านโปร่งแสง สีขาว ครีม หรือเทาอ่อน ที่สามารถเลื่อนเก็บได้ง่าย เพื่อไม่ให้บดบังแสง


2. เฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้ออ่อน ดีไซน์เรียบง่าย

ไม้เป็นวัสดุหลักที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ

เลือกไม้สีอ่อน: เน้นเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจาก ไม้เนื้ออ่อน เช่น ไม้เบิร์ช ไม้สน ไม้เมเปิล หรือไม้แอช ที่มีสีอ่อนและลวดลายไม้ที่สวยงาม

ดีไซน์ Minimalist: เฟอร์นิเจอร์ควรมี เส้นสายที่สะอาดตา เรียบง่าย ไม่มีรายละเอียดซับซ้อน เช่น โต๊ะกาแฟขาไม้โปร่ง โซฟาผ้าลินินสีอ่อนที่มีฐานไม้ เก้าอี้ทานอาหารดีไซน์โมเดิร์น

ฟังก์ชันการใช้งาน: เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มี ฟังก์ชันซ่อนเร้น หรือตอบโจทย์การใช้งานจริง เช่น โต๊ะกลางที่มีช่องเก็บของ หรือชั้นวางของติดผนังที่เน้นความโปร่ง


3. สร้างความอบอุ่นด้วยสิ่งทอ (Textiles)

สิ่งทอเป็นองค์ประกอบสำคัญที่เพิ่มความนุ่มนวลและอบอุ่น

ผ้าห่มและผ้าคลุม: วาง ผ้าห่มถักไหมพรมเนื้อหนานุ่ม หรือ ผ้าคลุมขนสัตว์เทียม พาดไว้บนโซฟาหรือปลายเตียง สีขาว ครีม เทา หรือสีเอิร์ธโทน

หมอนอิง: เลือกปลอกหมอนที่ทำจาก ผ้าฝ้าย ลินิน หรือขนสัตว์ ในโทนสีอ่อน อาจมีลวดลายเรขาคณิตเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเพิ่ม Texture

พรม: ใช้ พรมขนสัตว์หนานุ่ม หรือพรมทอจากเส้นใยธรรมชาติในโทนสีอ่อน วางใต้โซฟาหรือบริเวณที่นั่งพักผ่อน เพื่อสร้างขอบเขตและเพิ่มความอบอุ่นให้กับพื้น


4. เพิ่มชีวิตชีวาด้วยพืชพรรณสีเขียว

การนำธรรมชาติเข้ามาในบ้านเป็นสิ่งที่สไตล์นอร์ดิกให้ความสำคัญ

ต้นไม้ในร่ม: วาง ต้นไม้ใบเขียว ที่ดูแลรักษาง่าย เช่น มอนสเตอร่า (Monstera), ลิ้นมังกร (Sansevieria), ยางอินเดีย (Ficus Elastica), พลูด่าง หรือกระบองเพชรขนาดเล็ก

กระถาง: เลือก กระถางเซรามิกสีขาว เทา ดำ หรือกระถางดินเผาเรียบๆ เพื่อให้เข้ากับดีไซน์มินิมอล


5. แสงไฟอบอุ่นและเทียนหอม

แสงไฟช่วยสร้างบรรยากาศ

โคมไฟ: เลือกโคมไฟที่มี ดีไซน์เรียบง่าย ใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ โลหะสีอ่อน หรือเซรามิก เช่น โคมไฟตั้งพื้นแบบขาตั้งสามขา โคมไฟเพดานทรงกลมหรือทรงเรขาคณิต

หลอดไฟ: ใช้หลอดไฟที่ให้ แสงวอร์มไวท์ (Warm White) เพื่อสร้างความรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย

เทียนหอม: จุด เทียนหอม กลิ่นอ่อนๆ เช่น วานิลลา ลาเวนเดอร์ หรือกลิ่นไม้ เพิ่มความหอมและแสงนวลๆ สร้างบรรยากาศ "ฮุกกะ" อย่างแท้จริง


6. ของตกแต่งอื่นๆ ที่เรียบง่ายและมีความหมาย

เลือกของที่น้อยชิ้น แต่มีคุณภาพและมีเรื่องราว

งานศิลปะบนผนัง: เลือก ภาพวาดลายเส้น (Line Art), ภาพ Abstract, หรือภาพถ่ายขาวดำ ที่มีดีไซน์ Minimalist ใส่กรอบไม้เรียบๆ หรือกรอบสีขาว/ดำ

เซรามิก: จัดวาง แจกัน เซรามิก หรือเครื่องปั้นดินเผา ที่มีรูปทรงแปลกตาแต่เรียบง่าย

หนังสือ: วาง หนังสือปกสวยๆ หรือนิตยสารไลฟ์สไตล์จัดวางบนโต๊ะกลางหรือชั้นวางอย่างเป็นระเบียบ

กระจก: ติดตั้ง กระจกทรงกลม หรือสี่เหลี่ยมผืนผ้ากรอบบางๆ ช่วยสะท้อนแสงและทำให้ห้องดูกว้างขึ้น


เคล็ดลับเพิ่มเติม:

จัดระเบียบอยู่เสมอ: ความเรียบง่ายคือการไร้ความรกรุงรัง ดังนั้นการจัดเก็บของให้เป็นระเบียบจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก

เน้น Texture: แม้จะใช้สีน้อย แต่การเลือกใช้วัสดุที่มี Texture ที่แตกต่างกันจะช่วยเพิ่มมิติและความน่าสนใจให้กับห้อง

Less is More: จำไว้เสมอว่าไม่ต้องมีของเยอะ การเลือกของตกแต่งแต่ละชิ้นอย่างพิถีพิถันและจัดวางอย่างลงตัว จะสร้างความสวยงามและอบอุ่นได้ดีกว่าการมีของเต็มไปหมด

การแต่งบ้านสไตล์นอร์ดิกเป็นการสร้างพื้นที่ที่สงบ ผ่อนคลาย และสวยงามเหนือกาลเวลา ซึ่งจะทำให้บ้านของคุณเป็นสถานที่ที่คุณอยากกลับมาพักผ่อนในทุกๆ วันครับ

3
ซ่อมบำรุงอาคาร: วิธีเลือกใช้หลอดไฟในบ้าน และวิธีเปลี่ยนหลอดไฟเองง่าย ๆ

เป็นระยะเวลากว่า 2 ศตวรรษแล้วที่โลกของเรามีหลอดไฟไว้ให้แสงสว่างกับบ้านเรือนที่พักและอาคารต่าง ๆ ผู้ผลิตหลอดไฟต่าง ๆ ได้มีการพัฒนาและปรับปรุงในเรื่องของประสิทธิภาพ คุณภาพของแสง ความหนาแน่น ความปลอดภัยในการใช้งาน รวมถึงการประหยัดพลังงานด้วย วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักหลอดไฟ แหล่งให้แสงสว่างที่เราคุ้นเคยกันดีว่ามีกี่ประเภท เลือกความสว่างแบบไหนให้เหมาะกับการใช้งาน และวิธีการเปลี่ยนหลอดใหม่ รวมถึงการทิ้งหลอดไฟอย่างไรให้ปลอดภัยด้วย

ประเภทหลอดไฟ

ปัจจุบันนี้มีหลอดไฟมากมายหลายชนิดให้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็นหลอดไส้ หลอดตะเกียบ หลอดฟลูออเรสเซนต์ เป็นต้น ซึ่งหลอดไฟแต่ละประเภทมีการใช้งานและคุณสมบัติแตกต่างกันไป ซึ่งอาจทำให้หลาย ๆ คนเกิดความสับสนได้ เราจึงขอแนะนำชนิดของหลอดไฟทั่วไปที่นิยมใช้กัน ดังนี้

1. หลอดไส้

หลอดไส้ มีหลักการทำงานง่าย ๆ คือ ในหลอดไส้จะมีขดลวดทังสเตนอยู่ภายในหลอด เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน ขดลวดนี้จะเกิดความร้อนจนเป็นตัวจุดประกายไฟ ทำให้เกิดแสงสว่าง และจากปริมาณการไหลของกระแสไฟฟ้าจะทำให้ไส้หลอดร้อนจนไหม้ เสื่อมสภาพเร็ว มีอายุการใช้งานสั้น (ประมาณ 700-1,000 ชั่วโมง) และสิ้นเปลืองพลังงาน แม้หลอดไส้จะเป็นหลอดไฟที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่ก็เริ่มมีผู้ผลิตหลอดไฟชนิดอื่นขึ้นมาทดแทน เพราะมีเทคโนโลยีที่ดีกว่า ใช้งานได้ยาวนาน และประหยัดไฟกว่า เช่น หลอดไฟ LED หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ และหลอดไฟ CFL

2. หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์

หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ หรือที่เรียกกันติดปากว่า หลอดนีออน มีหลักการทำงานคือ เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านหลอด จะกระตุ้นอนุภาคปรอทและก๊าซอื่น ๆ ที่บรรจุอยู่ภายในหลอด ให้ปล่อยพลังงานที่แผ่รังสีความร้อนออกมา เมื่อรังสีนี้กระทบกับสารเรืองแสงที่ฉาบไว้ด้านในตัวหลอด จะเปลี่ยนเป็นแสงสว่างที่มองเห็นได้ และเนื่องจากไม่ได้เปล่งแสงโดยอาศัยความร้อน จึงมีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานมากกว่าและนานกว่าหลอดไส้ แต่การใช้งานจะต้องติดตั้งคู่กับชุดบัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์ และกำจัดได้ยากกว่าเพราะมีสารปรอทที่เป็นอันตราย

3. หลอดคอมแพกต์ฟลูออเรสเซนต์

หลอดคอมแพกต์ฟลูออเรสเซนต์ (Compact Fluorescent Lamps : CFL) หรือหลอดตะเกียบ ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้แทนหลอดไส้ในบ้านและอาคารพาณิชย์ มีขนาดเล็กกะทัดรัด มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าถึง 10,000 ชั่วโมง จึงประหยัดพลังงานมากกว่า และให้ประสิทธิภาพการส่องสว่างที่สูงกว่า แต่ด้านในหลอดมีสารปรอทที่เป็นอันตราย จึงกำจัดได้ยากกว่าหลอดไส้

4. หลอดฮาโลเจน

หลอดฮาโลเจน เป็นหลอดไส้ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น เป็นหลอดไส้ที่เติมก๊าซฮาโลเจน ได้แก่ โบรมีน หรือไอโอดีน เข้าไปเล็กน้อย ทำให้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า หลอดไอโอดีนควอตซ์ หรือหลอดฮาโลเจนทังสเตน ซึ่งก๊าซฮาโลเจนจะช่วยเพิ่มความสว่าง ทำให้ประสิทธิภาพการส่องสว่างสูงขึ้น ยืดอายุการใช้งานของหลอดไฟได้ถึง 2,000 ชั่วโมง และมีขนาดเล็กกว่าเมื่อเทียบกับหลอดไส้ทั่วไป นอกจากนี้ยังให้แสงที่ถูกต้อง ไม่เพี้ยน จึงนิยมนำมาใช้กับการผลิตละครเวทีและสตูดิโอถ่ายภาพ หรืองานจัดแสดงสินค้า แต่ก็สามารถนำมาใช้ในบ้านได้ในพื้นที่บริเวณที่ต้องการแสงสว่างเป็นพิเศษ เช่น มุมอับ ห้องทำงาน เป็นต้น

5. หลอดไฟ LED

หลอดไฟ LED กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะให้แสงสว่างและสีของแสงที่หลากหลาย ผลิตแสงสว่างได้ในปริมาณที่ต้องการ โดยใช้พลังงานน้อยลง มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่ามาก และกินไฟน้อยกว่าหลอดไฟชนิดอื่น ๆ

การเลือกสีของหลอดไฟให้เหมาะกับการใช้งาน

แสงหลอดไฟ

หลังจากที่ทำความรู้จักกับประเภทของหลอดไฟที่ใช้กันในบ้านเรือนที่พักอาศัยไปแล้ว ก็ต้องมาเลือกแสงสีของหลอดไฟให้เหมาะกับการใช้งานกัน โดยสีของหลอดไฟหรือที่ศัพท์ทางช่างจะเรียกว่า อุณหภูมิของสีของแสง (Colour Temperature) มีหน่วยวัดเป็น เคลวิน (K) ซึ่งถ้าอุณหภูมิสียิ่งต่ำ แสงที่ส่องออกมาจะเป็นสีโทนร้อน เช่น สีส้ม สีเหลือง แต่ถ้าอุณหภูมิสีสูงก็จะได้แสงในโทนเย็น เช่น สีขาว หรือสีฟ้า

หลอดไฟในปัจจุบัน สามารถแบ่งตามอุณหภูมิของสีได้ 3 ชนิด ได้แก่

    วอร์มไวท์ (Warm White) : มีอุณหภูมิอยู่ที่ 2,700-3,300 เคลวิน ให้แสงสีขาวอบอุ่นหรือนุ่มนวล เหมาะสำหรับพื้นที่ในบ้านที่ต้องการพักผ่อน เช่น ห้องนอน หรือสถานที่ให้ความบันเทิงอย่างห้องนั่งเล่น

    คูลไวท์ (Cool White) : มีอุณหภูมิอยู่ที่ 3,300-5,300 เคลวิน ให้ช่วงแสงสีขาวที่เป็นกลางมากกว่า มีความสมดุลระหว่างแสงสีที่อบอุ่นและนุ่มนวล เหมาะสำหรับห้องเรียน ห้องทำงาน และห้องครัว รวมถึงการใช้งานนอกอาคารต่าง ๆ เช่น ในสวน โรงรถ และสนามหญ้า

    เดย์ไลท์ (Daylight) : มีอุณหภูมิอยู่ที่ 5,300-6,500 เคลวิน ให้แสงเทียบเท่ากับแสงแดดตามธรรมชาติ เหมาะสำหรับใช้ในสำนักงาน เวิร์กช็อปงานฝีมือ ห้องน้ำ หรือห้องซักรีด

วิธีเปลี่ยนหลอดไฟเอง

หลอดไฟเมื่อใช้งานไปนาน ๆ อาจมีอาการเสื่อมสภาพ เช่น ขั้วหลอดดำ หลอดสั่น เปิดแล้วติด ๆ ดับ ๆ มีแสงกะพริบ ใช้เวลานานกว่าจะสว่าง หรือมีเสียงดังตอนเปิด ควรรีบเปลี่ยนใหม่ ซึ่งวิธีการเปลี่ยนหลอดไฟถือเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่เราสามารถทำเองได้ ไม่จำเป็นต้องเรียกช่างมาให้เปลืองเงินเลย หลายคนที่กำลังลังเลไม่กล้าเปลี่ยนหลอดไฟเอง มาดูขั้นตอนเหล่านี้กัน

    ปิดสวิตช์ไฟหลอดที่เสียให้เรียบร้อยเสียก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไฟดูดหรือไฟช็อต

    ทิ้งไว้ให้หลอดไฟเย็น ไม่ควรจับหรือถอดหลอดไฟในขณะที่ยังมีความร้อน

    ใช้บันได เพื่อให้สามารถจับหรือถอดหลอดไฟได้สะดวกและมั่นคง ไม่ควรยืนบนเก้าอี้หรือโซฟา เพราะอาจจะเกิดอันตรายจากการลื่นล้มได้

    ถอดหลอดไฟ ด้วยการหมุนให้ตัวหลอดหลุดออกมาจากตัวล็อก ขึ้นอยู่กับว่าหลอดไฟที่ใช้มีขายึดเป็นแบบไหน
              - ถ้าเป็นหลอดแบบขาทั่วไป ให้หมุนทวนเข็มนาฬิกาให้ขาหลุดออกจากตัวล็อก จากนั้นก็ดึงออกมาได้เลย
              - ถ้าเป็นหลอดแบบขาสปริง ให้จับหลอดไฟแล้วดันขึ้นเบา ๆ แล้วหมุนทวนเข็มนาฬิกาจนหลุดออกจากตัวล็อก และดึงออกได้เลย

    เปลี่ยนหลอดไฟใหม่ โดยเลือกใช้หลอดที่มีกำลังไฟเท่ากัน ใส่หลอดไฟในตัวล็อกให้แน่น จากนั้นหมุนตามเข็มนาฬิกาให้ล็อกเข้าที่

    เปิดสวิตช์ไฟตามปกติ

    ทิ้งหลอดไฟเก่า นิยมใช้บรรจุภัณฑ์จากหลอดใหม่ห่อหลอดเก่าที่เปลี่ยนแล้ว เพื่อทิ้งอย่างปลอดภัย

วิธีทิ้งหลอดไฟใช้แล้ว

หลอดไฟ ประกอบด้วยส่วนที่เป็นแก้วที่บอบบางและแหลมคมมาก รวมถึงมีชิ้นส่วนโลหะที่เป็นอันตราย จึงต้องทิ้งให้ถูกวิธีและถูกต้องตามประเภทของหลอดไฟ ดังนี้

    หลอดไส้และหลอดฮาโลเจน : ไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ เวลาทิ้งควรห่อด้วยกระดาษหรือผ้าหนา ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บในกรณีที่เกิดการแตกหัก
    หลอดฟลูออเรสเซนต์และหลอด CFL : มีส่วนประกอบของสารปรอทที่เป็นพิษ โลหะ และแก้ว ไม่ควรทิ้งรวมกับขยะทั่วไปในครัวเรือน จึงควรแยกทิ้งต่างหาก โดยสามารถทิ้งไว้ในถังขยะรีไซเคิลหรือจุดที่กำหนดได้ ทั้งนี้ การทิ้งหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่หักต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจจะมีไอปรอทจำนวนเล็กน้อยหลุดออกมาเมื่อหลอดแตกได้

    หลอดไฟ LED : ผลิตจากวัสดุที่รีไซเคิลได้ และไม่มีสารที่เป็นอันตรายหรือไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม สามารถทิ้งในถังรีไซเคิลได้เลย

ถึงตรงนี้หลายคนคงจะหมดข้อสงสัยในการเลือกหลอดไฟว่าจะเลือกประเภทอะไร ใช้แสงสว่างแบบไหนให้เหมาะสมกับการใช้งาน รวมถึงการเปลี่ยนหลอดเก่า และวิธีการทิ้งอย่างไรให้ปลอดภัย เพื่อให้ได้แสงสว่างที่เหมาะสมและเพียงพอต่อการใช้งานในบ้านที่อยู่อย่างคุ้มค่าที่สุด

4
เครื่องมือจัดฟันเด็ก EF Line ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้นได้อย่างไร

การจัดฟันในเด็ก ถือเป็นการรักษาทางทันตกรรมที่ช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก ที่มีปัญหาของรูปร่างและลักษณะของฟัน ตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งต้องบอกก่อนว่า ฟันน้ำนมในเด็กนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันกับฟันแท้ เพราะฟันน้ำนมมีบทบาทสำคัญในลำดับขั้นพัฒนาการของเด็ก นอกจากจะเป็นตำแหน่งที่จะเกิดฟันแท้มาแทนที่ ยังช่วยในเรื่องลักษณะทางกายภาพให้มีโครงสร้างร่างกายเป็นปกติ มีฟันไว้ช่วยบดเคี้ยวอาหาร หากฟันน้ำนมมีสุขภาพดี ไม่ผุกร่อนหรือติดเชื้อ ก็จะส่งเสริมพัฒนาการฟันแท้ที่จะงอกตามมาให้สมบูรณ์แข็งแรงไปด้วย

ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรที่จะสอนให้ลูกรู้จักวิธีการดูแลรักษาความสะอาดฟันอย่างถูกวิธี ควรปลูกฝังให้เด็กตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาฟันในอนาคต หากบุตรหลานของท่านมีปัญหาในเรื่องของความผิดปกติในเรื่องของรูปร่างฟัน หรือลักษณะของฟันที่มีความผิดปกติ ก็ควรที่พาบุตรหลานของท่านเข้าพบทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อเตรียมตัวเข้ารับการจัดฟัน เพราะการจัดฟันในเด็กนั้น สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 4-7 ขวบ ซึ่งเด็กที่มีอายุ 4-7 ขวบ ทันตแพทย์อาจจะใช้เครื่องมือการจัดฟันเด็กที่เราเรียกว่า EF Line ในการรักษา ซึ่งเครื่องมือชนิดนี้ สามารถแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแก้ปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติ ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น รวมถึงจัดการฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่ควรจะเป็นตามธรรมชาติ ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงในเรื่องของการปรับตำแหน่งลิ้น โดยการใช้เครื่องมือ EF Line เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองหลายคน อาจจะยังสงสัยว่า EF Line จะสามารถช่วยปรับตำแหน่งลิ้นได้อย่างไร

ก่อนอื่นเราจะมาพูดถึงเครื่องมือ EF Line ก่อนว่าเครื่องมือดังกล่าวนี้ ทำหน้าที่อะไรบ้าง และมีการทำงานอย่างไร สำหรับเครื่องมือEF Line เป็นชุดเครื่องมือที่สามารถใช้แก้ไขปัญหาในเรื่องของกล้ามเนื้อที่มีการทำงานที่ผิดปกติ ช่วยเสริมสร้างในเรื่องของการปรับรูปของกระดูกช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น ซึ่งเราทราบกันอยู่แล้วว่า กระบวนการเจริญเติบโตของเด็กที่เกี่ยวข้องกับกระดูกใบหน้าส่วนกลางและกระดูกขากรรไกรล่าง มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่จะมากน้อยแค่ไหนนั้น ก็อยู่ที่ช่วงของอายุของเด็ก ดังนั้น ตามหลักแล้ว หากต้องการปรับโครงสร้างใบหน้าจึงต้อง ทำการแก้ไขในช่วงที่เด็กยังมีการเจริญเติบโต ซึ่งในปัจจุบันเราพบว่ากล้ามเนื้อใบหน้าและลิ้นมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของรูปร่าง ขนาด และการทำงานของกระดูกขากรรไกร ดังนั้น ทางทันตกรรมจึงได้มีการออกแบบเครื่องมือ

เพื่อทำการแก้ไขปัญหาของกล้ามเนื้อ ซึ่งต้องร่วมกับการฝึกโดยการออกกำลังกายกล้ามเนื้อ การปรับเปลี่ยนวิธีการหายใจ ซึ่งเครื่องมือ EF Line สามารถใช้ได้ในเด็กตั้งแต่อายุ 4 – 15 ปี โดยเครื่องมือในกลุ่มนี้มีความหลากหลายในการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน เช่น ปัญหารูปหน้าที่มีคางหลุบ ค้างเบี้ยว กระดูกและฟันบนยื่น และกรณีที่เด็กมีรูปหน้าสั้นซึ่งต้องการเพิ่มความสูงใบหน้า สำหรับการช่วยในเรื่องของปรับตำแหน่งลิ้นนั้น เด็กที่มีปัญหาในเรื่องของการกลืนที่ผิดปกติและตำแหน่งของลิ้นที่ผิดปกติ  ในขณะกลืนจะยื่นลิ้นออกมาอยู่ระหว่างปลายฟันหน้าบนและล่าง ต้องพิจารณาจากขนาดของลิ้น โดยลิ้นอาจมีขนาดใหญ่ผิดปกติ เนื่องจากโรคทางระบบและตำแหน่งของลิ้นในขณะพักตำแหน่งของลิ้นที่ปกติอาจเป็นผลจากขบวนการปรับตัว มักพบในคนไข้ภูมิแพ้ มีการอุดตันของช่องจมูก ขากรรไกรบนแคบมาก ความสูงของใบหน้ามากผิดปกติควรมาพบทันตแพทย์เพื่อทำการแก้ไข ฟันหน้าห่าง การสบฟันหลังคร่อม การพูดออกเสียงไม่ชัด และเกิดการพัฒนาใบหน้าแนวดิ่งมากกว่าปกติ

ดังนั้น หลักการทำงานของ  EF Line ก็คือ ในขณะที่สวมใส่เครื่องมืออยู่ในปาก นาน 2 ชั่วโมง ในเวลากลางวัน และ 10 ชั่วโมง ในเวลาหลับตอนกลางคืน EF Line จะบังคับให้ขากรรไกรล่างอยู่ในตำแหน่งที่สัมพันธ์กับขากรรไกรบน เป็นผลให้เกิดการปรับตัวของกล้ามเนื้อต่าง ๆ โดยรอบ สู่สภาวะใหม่ที่สมดุล ซึ่งก็เป็นผลย้อนกลับไป เป็นการควบคุมตำแหน่งของกระดูกขากรรไกรที่เปลี่ยนไปให้สมดุลด้วย  หากใครสนใจ พาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กด้วย EF Line สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการทันตกรรมในเด็ก สามารถให้คำปรึกษาได้อย่างถูกต้อง เพราะเราอยากให้เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่มากขึ้น

5
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


6
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: มะเร็งเต้านม (Breast cancer)

มะเร็งเต้านม พบเป็นอันดับที่ 2 ของมะเร็งในผู้หญิง เริ่มพบได้ตั้งแต่วัยสาว และพบมากขึ้นตามอายุ ส่วนมากจะพบในช่วงอายุมากกว่า 40 ปี มะเร็งเต้านมพบว่ามีความสัมพันธ์กับการมีระดับเอสโทรเจนในเลือดสูงเป็นเวลานาน

สาเหตุ

ยังไม่ทราบแน่ชัด สันนิษฐานว่าเกิดจากปฏิสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างปัจจัยทางกรรมพันธุ์กับปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม

พบว่าร้อยละ 5-10 ของผู้ป่วยมีความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ คือ มียีนที่เรียกว่า "ยีนมะเร็งเต้านม (breast cancer gene, BRCA)" ซึ่งสามารถถ่ายทอดให้ลูกหลาน ผู้ที่มียีนนี้มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม และมะเร็งรังไข่

พบว่าโรคนี้มีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่

    มีประวัติเคยเป็นมะเร็งเต้านมมาก่อน
    มีประวัติว่ามารดาหรือพี่น้องเป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งรังไข่ ถ้ามีญาติเป็นมะเร็งเต้านมก่อนวัยหมดประจำเดือน ยิ่งมากคนก็ยิ่งเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมมากขึ้น
    การมีประจำเดือนครั้งแรกก่อนอายุ 12 ปี
    การมีภาวะหมดประจำเดือนหลังอายุ 55 ปี
    การมีบุตรคนแรกหลังอายุ 30 ปี หรือการไม่มีบุตร
    การใช้ฮอร์โมนทดแทนหลังวัยหมดประจำเดือนนานเกิน 4 ปี
    การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดตั้งแต่อายุยังน้อยและใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมก่อนวัยหมดประจำเดือน
    ภาวะอ้วน
    การสูบบุหรี่
    การดื่มสุราจัด
    การได้รับรังสีตั้งแต่วัยเด็กหรือวัยสาว

อาการ

ระยะแรกมักไม่มีอาการชัดเจน ต่อมาจะมีอาการคลำได้ก้อนที่เต้านม หัวนมบุ๋ม (จากเดิมที่ปกติ) เต้านมใหญ่ขึ้นหรือรูปทรงผิดปกติ มีน้ำเหลืองหรือเลือดออกจากหัวนม หรือผิวหนังตรงเต้านมมีสีแดงและขรุขระคล้ายผิวส้ม ในระยะท้ายอาจคลำได้ก้อนน้ำเหลืองที่รักแร้

ภาวะแทรกซ้อน

มะเร็งเต้านมที่เป็นก้อนโตขึ้นอาจทำให้มีอาการเจ็บปวดทรมาน

ในระยะท้าย มะเร็งมักแพร่กระจายผ่านกระแสเลือดไปยังอวัยวะต่าง ๆ ทำให้เกิดอาการแทรกซ้อน อาทิ

    ปอด ทำให้มีอาการเจ็บหน้าอก ไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด ภาวะมีน้ำหรือเลือดในช่องเยื่อหุ้มปอด หายใจลำบาก
    ตับ ทำให้เจ็บใต้ชายโครงขวา อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ตัวเหลืองตาเหลือง มีน้ำในท้อง (ท้องมาน)
    กระดูก ทำให้ปวดกระดูก กระดูกพรุน กระดูกหัก ปวดหลัง ไขสันหลังถูกกดทับ (ขาชาและเป็นอัมพาต มีความผิดปกติเกี่ยวกับการขับถ่ายปัสสาวะ อุจจาระ) ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง (ทำให้เป็นนิ่วไต ไตวาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ สมองเสื่อม หมดสติ)
    สมอง ทำให้ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก เวียนศีรษะ บ้านหมุน เดินเซ แขนขาชาและเป็นอัมพาต ชัก หมดสติ สมองเสื่อม บุคลิกภาพเปลี่ยนไปจากเดิม

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยโดยการตรวจอัลตราซาวนด์ ถ่ายภาพรังสีเต้านม (mammogram) และการผ่าหรือเจาะเอาชิ้นเนื้อเต้านมไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ (breast  biopsy)

ถ้าพบว่าเป็นมะเร็งเต้านม อาจทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เพื่อดูการแพร่กระจายของมะเร็งไปยังอวัยวะต่าง ๆ เช่น ตับ ปอด กระดูก สมอง ด้วยการตรวจอัลตราซาวนด์, เอกซเรย์, เอกซเรย์คอมพิวเตอร์,  การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI), การตรวจสแกนกระดูก, การตรวจเพทสแกน (PET scan) เป็นต้น

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การรักษาด้วยการผ่าตัดเต้านม (อาจตัดเต้านมออกบางส่วน หรือตัดออกทั้งหมด) พร้อมกับเลาะต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ออก

นอกจากนี้จะให้การรักษาเสริมด้วยรังสีบำบัด เคมีบำบัด ฮอร์โมนบำบัด (โดยให้กินยาทาม็อกซิเฟน-tamoxifen ซึ่งมีฤทธิ์ต้านเอสโทรเจน) อิมมูนบำบัด (โดยการให้อินเตอร์เฟอรอน หรือ monoclonal antibody) และ/หรือการใช้ยาแบบจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (targeted therapy drug)

ผลการรักษา ส่วนใหญ่ได้ผลดี ถ้าเป็นระยะแรกมักจะมีชีวิตอยู่ได้นานหรือหายขาด (มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปี มากกว่าร้อยละ 95) แต่ถ้ามะเร็งแพร่กระจายไปทั่วร่างกายแล้ว ก็มักจะได้ผลไม่สู้ดี (มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปี ประมาณร้อยละ 20-25)

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น คลำได้ก้อนที่เต้านม หรือสังเกตเห็นเต้านมมีลักษณะผิดปกติ เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเต้านม ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเอง
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนที่มีไขมันน้อย (เช่น ปลา ไข่ขาว เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง)
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
    ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งงานอดิเรกที่ชอบ และงานจิตอาสา เท่าที่ร่างกายจะอำนวย
    ทำสมาธิ เจริญสติ หรือสวดมนต์ภาวนาตามหลักศาสนาที่นับถือ
    ถ้ามีโอกาสควรหาทางเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน หรือกลุ่มมิตรภาพบำบัด
    ผู้ป่วยและญาติควรหาทางเสริมสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วย ยอมรับความจริง และใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีและมีคุณค่าที่สุด
    ถ้าหากมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและวิธีบำบัดรักษา รวมทั้งการแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร ยาหม้อ ยาลูกกลอน การนวด ประคบ การฝังเข็ม การล้างพิษ หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการไม่สบายหรืออาการผิดปกติ เช่น มีไข้ อ่อนเพลียมาก หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ชัก แขนขาชาหรืออ่อนแรง ซีด มีเลือดออก ปวดท้อง ท้องเดิน อาเจียน เบื่ออาหารมาก  กินไม่ได้ ดื่มน้ำไม่ได้ เป็นต้น
    ขาดยาหรือยาหาย
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล อาจลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมด้วยการปฏิบัติ ดังนี้

    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ การดื่มสุราจัด และการใช้เอสโทรเจนเป็นเวลานาน
    หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ
    กินผักและผลไม้ให้มาก ๆ
    ลดการบริโภคเนื้อแดง
    ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
    หมั่นเลี้ยงบุตรด้วยนมตัวเอง (พบว่ามารดาที่ให้บุตรดื่มนมตัวเองนานเกิน 2 ปี ลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมลง)
    ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น มีประวัติโรคนี้ในครอบครัว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาตรวจเลือดหา "ยีนมะเร็งเต้านม (breast cancer gene, BRCA)" และผู้ที่ตรวจพบว่ามีความเสี่ยงสูง แพทย์อาจพิจารณาให้กินยาป้องกัน ได้แก่ ยาต้านเอสโทรเจน (เช่น tamoxifen, raloxifene เป็นต้น) หรือในบางกรณีแพทย์อาจป้องกันด้วยการผ่าตัดเต้านมออกไป

ข้อแนะนำ

1. เนื่องจากการค้นพบมะเร็งเต้านมตั้งแต่ระยะแรกเริ่มมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้นผู้หญิงทุกคนควรตรวจเต้านมด้วยตนเอง พบแพทย์เพื่อตรวจเต้านมหรือถ่ายภาพรังสีเต้านม ตามเกณฑ์อายุดังนี้

    อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ควรตรวจเต้านมด้วยตนเองอย่างน้อยเดือนละครั้ง
    อายุ 30-39 ปี ควรพบแพทย์หรือบุคลากรสาธารณสุขที่ได้รับการฝึกอบรม เพื่อตรวจเต้านมทุก 3 ปี และอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ควรตรวจปีละครั้ง
    อายุระหว่าง 40-44 ปี ควรเริ่มรับการตรวจหามะเร็งระยะแรกเริ่ม (โดยที่ยังเป็นปกติดี คือ ยังคลำไม่ได้ก้อนที่เต้านมแต่อย่างใด) ด้วยการถ่ายภาพรังสีเต้านม (mammography) เป็นครั้งแรก, อายุ 45-54 ปี ควรตรวจปีละครั้ง และอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป ควรตรวจทุก 1-2 ปี

สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง (เช่น มีประวัติโรคนี้ในครอบครัว) อาจจำเป็นต้องตรวจถี่กว่าปกติ

2. หากตรวจพบก้อนที่เต้านม ควรไปพบแพทย์เพื่อการตรวจวินิจฉัยให้แน่ชัด ไม่ควรนิ่งนอนใจ ปล่อยปละละเลย หรือกลัวและไม่กล้าไปตรวจกับแพทย์ ทำให้เสียโอกาสที่จะได้รับการเยียวยารักษาให้ได้ผลดีตั้งแต่แรก จริง ๆ แล้วก้อนที่เต้านมไม่จำเป็นต้องเป็นมะเร็งเสมอไป แต่เนื่องจากการตรวจคลำด้วยมือไม่อาจแยกว่าเป็นเนื้อดีหรือร้ายได้ จำเป็นต้องให้แพทย์ทำการตรวจเพิ่มเติม

3. ปัจจุบันมีวิธีบำบัดรักษาโรคมะเร็งใหม่ ๆ ที่อาจช่วยให้โรคหายขาดหรือทุเลา หรือช่วยให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นได้ ผู้ป่วยจึงควรติดต่อรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง มีความมานะอดทนต่อผลข้างเคียงของการรักษาที่อาจมีได้ อย่าเปลี่ยนแพทย์ เปลี่ยนโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น หากสนใจจะแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

 การตรวจเต้านมด้วยตนเอง

1. การคลำเต้านมในท่ายืน ใช้ฝ่ามือด้านตรงข้ามคลำตรวจเต้านมทีละข้าง สังเกตดูว่ามีก้อนอะไรดันอยู่หรือสะดุดใต้ฝ่ามือหรือไม่ (มะเร็งของเต้านมมักจะพบที่ส่วนบนด้านนอกของเต้านมมากกว่าส่วนอื่น จึงควรสังเกตดูบริเวณนี้ให้ละเอียด)

2. และ 3. การดูเต้านมตรงหน้ากระจกเงา ในท่ามือเท้าเอวและท่าชูมือขึ้นเหนือศีรษะ สังเกตดูลักษณะเต้านมทั้ง 2 ข้างโดยละเอียด เปรียบเทียบดูขนาด รูปร่างของหัวนม และการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังทุกส่วนของเต้านม (เช่น รอยนูนขึ้นผิดปกติ รอยบุ๋ม หัวนมบอด ระดับของหัวนมไม่เท่ากัน)

4. การคลำเต้านมในท่านอน ควรใช้หมอนหรือผ้าห่มหนุนตรงสะบัก ให้อกด้านที่จะตรวจแอ่นขึ้น ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะ

5. (ในท่านอน) ใช้ฝ่ามือข้างซ้ายคลำเต้านมข้างขวาโดยคลำไปรอบ ๆ หัวนมเป็นรูปวงกลม ไล่จากด้านนอกเข้ามายังหัวนม

6. แล้วใช้นิ้วบีบหัวนม สังเกตดูว่ามีน้ำเหลือง หรือเลือดออกจากหัวนมหรือไม่ ให้ทำการตรวจเต้านมข้างขวาโดยใช้มือซ้าย ทำซ้ำข้อ 4, 5, 6

7
หมอออนไลน์: โรคไตเนโฟรติก (Nephrotic syndrome)

โรคไตเนโฟรติก (เนโฟรติกซินโดรม ก็เรียก) เป็นโรคไตชนิดหนึ่งซึ่งเกิดจากร่างกายมีการรั่วของโปรตีนออกมาในปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการบวมทั่วตัว แม้ว่าโรคนี้จะพบได้ไม่บ่อยนัก แต่ก็จัดเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยของโรคไตเรื้อรัง บางครั้งแพทย์อาจเรียกโรคนี้ว่า "โรคไตเรื้อรัง" โรคนี้พบได้ในคนทุกวัยตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงวัยสูงอายุ สำหรับเด็กจะพบบ่อยในกลุ่มอายุ 2-6 ปี

โรคนี้มีหลายชนิดย่อย ซึ่งมีสาเหตุ พยาธิสภาพ* และความรุนแรงที่แตกต่างกัน สามารถจัดแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ (1) โรคไตเนโฟรติกชนิดปฐมภูมิ (primary nephrotic syndrome) หรือชนิดไม่ทราบสาเหตุ (2) โรคไตเนโฟรติกชนิดทุติยภูมิ (secondary nephrotic syndrome) หรือชนิดทราบสาเหตุ ทั้ง 2 กลุ่มนี้สามารถพบได้ในทุกกลุ่มวัย โดยมีสัดส่วนที่แปรผันไปตามอายุ กล่าวคือ ในเด็กพบชนิดปฐมภูมิมากกว่า ในขณะที่ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุพบชนิดทุติยภูมิมากกว่า

*การแบ่งตามลักษณะของพยาธิสภาพของเนื้อเยื่อไตจากการตรวจชิ้นเนื้อ พบชนิดที่สำคัญ ได้แก่ (1) Minimal change disease (MCD) ซึ่งเป็นชนิดที่ไม่ทราบสาเหตุ พบได้บ่อยสุดในเด็กเล็ก และพบในผู้ใหญ่ได้บ้าง การตรวจชิ้นเนื้อไม่พบพยาธิสภาพชัดเจน หรือมีความผิดปกติเพียงเล็กน้อย มีความรุนแรงไม่มาก และรักษาได้ผลดี, (2) Focal segmental glomerulosclerosis (FSGS) ซึ่งพบได้บ่อยสุดในผู้ใหญ่ อาจเกิดจากโรคหรือยาบางชนิด หรือความผิดปกติทางพันธุกรรม บางรายอาจเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจน, (3) Membranous nephrology (MN) ซึ่งพบว่ามีการสะสมสารภูมิต้านทานหรือแอนติบอดีที่เยื่อบุภายในหน่วยไต อาจเกิดจากโรคเอสแอลอี ตับอักเสบจากไวรัสบี มาลาเรีย หรือมะเร็ง บางรายอาจเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจน

สาเหตุ

อาการเกิดเนื่องจากร่างกายมีการสูญเสียโปรตีน (ได้แก่ อัลบูมิน หรือสารไข่ขาว) ออกไปทางปัสสาวะ เพราะมีความผิดปกติของหน่วยไต (glomerulus) ซึ่งเป็นหน่วยเล็ก ๆ ที่ทำหน้าที่กรองปัสสาวะ ทำให้มีระดับอัลบูมิน (albumin) ในเลือดต่ำ จึงเกิดอาการบวมทั้งตัว

สำหรับกลุ่มโรคไตเนโฟรติกชนิดปฐมภูมิ ซึ่งมีหลายชนิดย่อย มีความผิดปกติของไตในลักษณะต่าง ๆ ซึ่งเกิดขึ้นเองโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน เด็กเล็กบางราย (ซึ่งพบเป็นส่วนน้อยมาก) เป็นโรคไตเนโฟรติกแต่กำเนิด (congenital nephrotic syndrome) ซึ่งเกี่ยวข้องกับความผิดปกติทางพันธุกรรม

สำหรับกลุ่มโรคไตเนโฟรติกชนิดทุติยภูมิ ซึ่งพบบ่อยในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ มีสาเหตุมาจากโรคและภาวะผิดปกติทางร่างกาย ที่สำคัญ ได้แก่

    ผู้ป่วยเบาหวานที่เป็นมานานและเกิดภาวะแทรกซ้อนของไต (ไตเสื่อม ไตวายเรื้อรัง) เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยสุดในวัยกลางคนและสูงอายุ นอกจากนี้ยังพบเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคเอสแอลอี โรคอะมีลอยโดซิส (amyloidosis)* หรือโรคหน่วยไตอักเสบ หรือโรคไตชนิดอื่น ๆ
    โรคติดเชื้อ เช่น ตับอักเสบจากไวรัสบีหรือซี เอดส์ มาลาเรีย ซิฟิลิส โรคเรื้อน เป็นต้น
    มะเร็ง เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งเต้านม มะเร็งทางเดินอาหาร เป็นต้น บางรายอาจมีอาการของโรคไตเนโฟรติกก่อนที่ตรวจพบมะเร็งก็ได้ มักพบในวัยสูงอายุ
    ยาและสารบางชนิด เช่น ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (ซึ่งพบได้บ่อย) เพนิซิลลิน แคปโทพริล โพรเบนาซิด ลิเทียม อินเทอเฟรอน บิสฟอสโฟเนต (bisphosphonate) ยารักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (เช่น สารเกลือของทอง หรือ gold salt, เพนิซิลลามีน หรือ penicillamine) สารเสพติด (เฮโรอีน) สารพิษโลหะหนัก (เช่น ปรอท)
    ในเด็กอาจเกิดจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ต่อวัคซีนหรือพิษแมลง ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบได้แต่ค่อนข้างน้อย เช่น มีรายงานว่าเด็กเกิดอาการโรคไตเนโฟรติกหลังถูกผึ้งต่อยแม้เพียง 1 ตัว

*โรคนี้เกิดจากการสะสมของสารอะมีลอยด์ (amyloid ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง) ในอวัยวะต่าง ๆ ทำให้ไตทำหน้าที่ผิดปกติ โรคนี้มักพบในผู้สูงอายุ


อาการ

มีอาการบวมทั่วตัว ทั้งที่หน้า หนังตา ท้อง และเท้า 2 ข้าง ซึ่งมักจะค่อย ๆ เกิดเพิ่มขึ้นทีละน้อย (มีเพียงส่วนน้อยที่อาจเกิดขึ้นฉับพลัน) ผู้ป่วยอาจสังเกตเห็นหนังตาบวมชัดเจนเวลาตื่นนอน ปัสสาวะสีใสเหมือนปกติ แต่จะออกเป็นฟอง (เนื่องจากมีสารไข่ขาวในปัสสาวะมาก)

ผู้ป่วยจะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น (เพราะอาการบวมจากมีน้ำคั่งในร่างกาย) รู้สึกอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ไม่มีไข้ นอนราบได้ (โดยไม่มีอาการหอบเหนื่อย) มักจะเดินเหินและทำงานได้


ภาวะแทรกซ้อน

ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ ได้แก่

    ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง ไตวายเฉียบพลัน หรือไตวายเรื้อรัง (ซึ่งอาจกลายเป็นไตวายระยะท้ายใน 5-10 ปี)
    ในรายที่เป็นเรื้อรัง อาจเกิดภาวะขาดสารอาหาร เช่น ภาวะขาดโปรตีน (เกิดอาการแบบโรคขาดอาหารควาชิวากอร์) ผมและเล็บเปราะ ผมร่วง ภาวะโพแทสเซียมต่ำ ภาวะแคลเซียมต่ำ เป็นต้น
    ร่างกายมีภูมิคุ้มกันลดลง เนื่องจากการสูญเสียอิมมูโนโกลบูลิน (ซึ่งเป็นโปรตีนช่วยต้านทานโรค) ออกทางปัสสาวะ ทำให้เป็นโรคติดเชื้อง่าย เช่น เป็นฝีพุพอง ปอดอักเสบ เยื่อบุช่องท้องอักเสบ กรวยไตอักเสบ ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นเกิดภาวะโลหิตเป็นพิษได้
    ภาวะเลือดแข็งตัวง่าย เนื่องจากร่างกายมีสารกระตุ้นการแข็งตัวของเลือดเพิ่มขึ้น แต่สูญเสียสารในการละลายลิ่มเลือด อาจทำให้เกิดภาวะสิ่งหลุด (ลิ่มเลือด) อุดตันหลอดเลือดแดง (ที่ไต ที่เท้า ที่ปอด)


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย

มักตรวจพบหน้าบวม หนังตาบวม เท้าบวมกดบุ๋ม ท้องบวม (ท้องมาน) และมีภาวะซีด (ในรายที่เป็นมานาน) ตรวจปัสสาวะพบสารไข่ขาว (albumin) ขนาด 3+ ถึง 4+ 

เมื่อใช้เครื่องฟังตรวจปอดจะพบภาวะปอดบวมน้ำ (pulmonary edema) และภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด (pleural effusion)   

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด โดยการตรวจเลือดและปัสสาวะ ซึ่งจะพบว่าระดับสารไข่ขาวในเลือดต่ำ (hypoalbuminemia) ระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง และมีสารไข่ขาวในปัสสาวะมาก (ในผู้ใหญ่มีมากกว่า 3-5 กรัม/วัน) บางรายแพทย์อาจทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจอัลตราซาวนด์ การตรวจชิ้นเนื้อไต (renal biopsy) เพื่อประเมินชนิดและความรุนแรงของโรค

นอกจากนี้ อาจทำการตรวจอื่น ๆ เพื่อค้นหาโรคที่พบร่วม เช่น เบาหวาน เอสแอลอี มาลาเรีย ตับอักเสบจากไวรัสบีหรือซี เอดส์


การรักษาโดยแพทย์

นอกจากแนะนำการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยแล้ว แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้าตรวจพบสาเหตุที่ชัดเจน ก็ให้การรักษาโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น ให้ยาปฏิชีวนะรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรีย ยาต้านไวรัสรักษาโรคติดเชื้อไวรัส ให้ยาควบคุมโรคเบาหวาน เอสแอลอี เป็นต้น

2. ให้ยารักษาอาการและภาวะแทรกซ้อนที่พบ อาทิ ยาลดความดันโลหิต (เช่น อีนาลาพริล, โลซาร์แทน) ยาลดไขมัน (เช่น ซิมวาสแตติน) ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (เช่น เฮพาริน, วาร์ฟาริน) ยาขับปัสสาวะ (เช่น ฟูโรซีไมด์) เพื่อลดอาการบวม การล้างไตหรือปลูกถ่ายไตในผู้ที่มีภาวะไตวาย เป็นต้น

3. ให้ยากดภูมิคุ้มกัน ได้แก่ ยาสเตียรอยด์ (เช่น เพร็ดนิโซโลน) เพื่อลดการอักเสบของหน่วยไต และนัดไปตรวจเลือดและปัสสาวะเป็นประจำ ถ้าพบว่าสารไข่ขาวในเลือดมีระดับสูงขึ้น และสารไข่ขาวในปัสสาวะลดน้อยลง พร้อมกับอาการบวมลดลง (น้ำหนักตัวลดลง) แสดงว่าอาการดีขึ้น ก็จะค่อย ๆ ลดยาลงทีละน้อย อาจให้กินยาอยู่นาน 2-3 เดือน

บางรายแพทย์อาจให้ยากดภูมิคุ้มกันชนิดอื่นร่วมด้วย เช่น ไรทูซิแมบ (rituximab), ไซโคลสปอรีน (cyclosporine), ไซโคลฟอสฟาไมด์ (cyclophosphamide) เป็นต้น

4. ในรายที่ดื้อต่อยาสเตียรอยด์ (ไม่ได้ผลในการรักษา) หรือต้องพึ่งยาสเตียรอยด์นาน ๆ หรือมีข้อบ่งชี้อื่น (เช่น เป็นโรคไตเนโฟรติกแต่กำเนิด มีอาการเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย ในผู้ใหญ่เป็นโรคนี้โดยไม่พบสาเหตุชัดเจน) แพทย์จะทำการตรวจชิ้นเนื้อไต (renal biopsy โดยการเจาะเอาเนื้อเยื่อไตไปตรวจ) เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะกับชนิดของโรค   

ผลการรักษา ขึ้นกับสาเหตุและชนิดของโรค   

ถ้าเป็นชนิด minimal change disease ซึ่งพบบ่อยในเด็กเล็ก (แต่ก็พบได้ในคนทุกวัย) มักมีอาการไม่รุนแรง และรักษาด้วยยาสเตียรอยด์ได้ผล ช่วยให้หายขาดได้ บางรายเมื่อหยุดยาหลังจากอาการดีขึ้น ก็อาจกำเริบได้ใหม่ในภายหลัง และอาจต้องกินยานาน 6 เดือน-1 ปี ซึ่งในที่สุดก็มักจะหายขาดได้ น้อยรายที่จะกลายเป็นไตวายเรื้อรังตามมา

ในรายที่เป็นชนิดร้ายแรง (ซึ่งอาจดื้อต่อการรักษา) มีสาเหตุจากโรคร้ายแรง (เช่น มะเร็ง) หรือโรคที่ควบคุมไม่ได้ (เช่น เบาหวานที่มีภาวะแทรกซ้อนหลายอย่าง) หรือมีภาวะแทรกซ้อนที่ควบคุมไม่ได้ (เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ภูมิคุ้มกันต่ำ) ก็อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง (โรคติดเชื้อร้ายแรง ไตวายรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด) และทำให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และมีอาการบวมทั่วตัว (ทั้งที่หน้า หนังตา ท้อง และเท้า 2 ข้าง) ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคไตเนโฟรติก ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    ควรพักผ่อนให้มาก ๆ
    งดอาหารเค็มเพื่อลดอาการบวม
    กินอาหารพวกโปรตีน (เนื้อ นม ไข่) ให้มาก ๆ (ประมาณ 80-90 กรัม/วัน)
    ลดการกินอาหารพวกไขมัน และคอเลสเตอรอล


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลา 
    มีอาการไม่สบาย เช่น ไข้ ท้องเดิน หายใจหอบ เป็นต้น
    ขาดยาหรือยาหาย
    กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

สำหรับโรคไตเนโฟรติกชนิดปฐมภูมิ ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

สำหรับโรคไตเนโฟรติกชนิดทุติยภูมิ ซึ่งมีสาเหตุจากโรคบางชนิดหรือยาบางชนิด ควรหาทางป้องกันด้วยการปฏิบัติตัวดังนี้

    ป้องกันไม่ให้เป็นโรคเบาหวาน ด้วยการออกกำลังกาย ลดอาหารหวานและน้ำตาล ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
    ฉีดวัคซีนป้องกันตับอักเสบจากไวรัสบี และปฏิบัติตัวในการป้องกันโรคตับอักเสบจากไวรัสบีและซี เอดส์ ซิฟิลิส มาลาเรีย
    รักษาโรคที่อาจเป็นสาเหตุของโรคไตเนโฟรติก (เช่น โรคเบาหวาน เอสแอลอี โรคติดเชื้อ มะเร็ง) ให้ได้ผล
    ระมัดระวังในการใช้ยา เช่น หลีกเลี่ยงการซื้อยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (นิยมใช้เป็นยาแก้ปวด แก้ข้ออักเสบ) มาใช้เอง

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้จะต้องรักษากันเป็นเวลานาน ในรายที่เป็นเรื้อรังอาจนานเป็นแรมปี ควรติดต่อรักษากับแพทย์คนใดคนหนึ่งเป็นประจำ อย่าเปลี่ยนหมอ เปลี่ยนโรงพยาบาลเอง โดยทั่วไปถ้ามีปัญหาในการรักษา แพทย์ที่รักษาอยู่เดิมมักจะมีจดหมายส่งตัวผู้ป่วยไปรักษากับแพทย์ที่มีความชำนาญกว่า

2. ผู้สูงอายุที่เป็นโรคไตเนโฟรติกมักเกิดจากโรคเบาหวานที่ไม่ได้ควบคุมให้ดีตั้งแต่แรกจนมีภาวะไตเสื่อมแทรกซ้อน ดังนั้นผู้ที่เป็นเบาหวานควรดูแลรักษาตนเองให้ดีตั้งแต่แรก ก็อาจป้องกันโรคไตเนโฟรติกได้

3. ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ซึ่งมีสาเหตุจากมะเร็ง บางรายอาจมีอาการแสดงของโรคไตเนโฟรติกมาก่อนที่จะพบว่าเป็นมะเร็ง ดังนั้นผู้สูงอายุซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง หากเป็นโรคไตเนโฟรติกและยังไม่พบมีสาเหตุที่ชัดเจน ควรเฝ้าระวังดูอาการของโรคมะเร็ง และแพทย์อาจจำเป็นต้องทำการตรวจอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้แน่ใจว่ามีมะเร็งแฝงอยู่หรือไม่

8
การจัดฟันเด็ก ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

การจัดฟันในเด็ก ถือเป็นนวัตกรรมสมัยใหม่ที่ได้รับความนิยมมาก เพราะในปัจจุบันพ่อแม่ผู้ปกครองเริ่มหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของบุตรหลานกันมากขึ้น เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองได้เล็งเห็นความสำคัญของสุขภาพช่องปากและฟัน จึงพาเด็กไปเข้ารับการจัดฟันตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งการจัดฟันในเด็กนั้น ก็มีข้อดีหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของรูปร่างของฟัน ที่จะทำให้ฟันเข้าที่หรืออยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ปรับโครงสร้างของใบหน้าให้เข้าที่มากยิ่งขึ้น

รวมไปถึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสบฟันที่ดีขึ้น และการบดเคี้ยวอาหารที่ดีกว่าเดิม ทำให้เด็กสามารถทำความสะอาดช่องปากและฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลทำให้เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีมากขึ้น ป้องกันปัญหาฟันผุ อย่างไรก็ตาม หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดสนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟัน สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดหรือปรึกษาทันตแพทย์ที่คลินิกได้

เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์อย่างยาวนานในด้านการจัดฟันในเด็ก และมีเครื่องมือการรักษาที่ทันสมัย รับรองได้ว่า จะมีความปลอดภัยและทำให้ฟันของบุตรหลานของท่านสวยงามขึ้นอย่างแน่นอน และวันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อที่จะได้เป็นแนวทางสำหรับเด็กและพ่อแม่ผู้ปกครองที่อยากจะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟัน

ซึ่งขั้นตอนการเตรียมตัวของเด็กก่อนที่จะเข้ารับการจัดฟันนั้น อย่างแรกเลยก็คือ การสร้างทัศคติที่ดีเกี่ยวกับการทำฟันให้เด็กๆ เพื่อที่จะช่วยลดความกังวลที่จะเข้าพบทันตแพทย์และเป็นการช่วยปลูกฝังในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีให้กับเด็กๆ เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

เนื่องจากเด็กหลายคนมีความกลัวที่จะต้องเข้ารับการตรวจฟัน ซึ่งอาจจะทำให้ไม่ยอมไปเข้ารับการตรวจฟัน อาจจะทำให้เด็กที่สุขภาพช่องปากและฟันที่ไม่ดีได้ ต่อมาถึงขั้นตอนของการเข้ารับการจัดฟัน  ทันตแพทย์จะทำการทำประวัติผู้เข้ารับการจัดฟัน ซึ่งประกอบด้วย วิธีการพิมพ์ปากเพื่อสร้างแบบจำลองฟัน ทั้งที่เป็นแบบปูนหรือแบบดิจิตอล

9
นครปฐม รถรับจ้าง : บริการมืออาชีพ

ในยุคที่การขนส่งสินค้ามีความสำคัญอย่างมาก บริการรถหกล้อขนของนครปฐม เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับธุรกิจและบุคคลทั่วไปที่ต้องการขนส่งสินค้าหนัก ๆ หรือของขนาดใหญ่ มาทำความรู้จักกับบริการนี้ที่มีคุณภาพและมืออาชีพในนครปฐม

บริการรถหกล้อขนของ ในนครปฐมเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสำหรับการขนส่งสินค้าในพื้นที่นครปฐมและพื้นที่ใกล้เคียง ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจหรือบุคคลทั่วไปที่ต้องการขนส่งของขนาดใหญ่ บริการนี้เหมาะสมและมีคุณภาพมากรับจ้างย้ายของ

   
รถหกล้อขนของนครปฐม : ความสำคัญและคุณภาพ

การเลือกบริการรถหกล้อขนของในนครปฐม คือการตัดสินใจที่มีน้ำหนักในความสำเร็จของการขนส่งของคุณ คุณจะได้รับคุณภาพและมืออาชีพที่ช่วยให้งานขนส่งของคุณเป็นเรื่องง่าย ๆ

การขนส่งของส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้รถหกล้อขนของ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สำคัญในธุรกิจการขนส่ง รถหกล้อขนของในนครปฐมมีความสำคัญมาก เนื่องจากมีความสามารถในการขนส่งสินค้าหนัก ๆ และขนาดใหญ่ โดยที่ไม่เสียคุณภาพของสินค้า

   
ราคาบริการรถหกล้อขนของในนครปฐม

หากคุณกังวลเรื่องราคา บริการรถหกล้อขนของนครปฐม ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป ราคาที่เป็นไปได้และคุ้มค่าจะเป็นสิ่งที่คุณพบได้ที่นี่ คุณจะได้รับคุณภาพและมูลค่าสูงสุดในการขนส่งของของคุณ

การเลือกบริการรถหกล้อขนของในนครปฐมต้องพิจารณาราคาอย่างถูกต้อง เพื่อประหยัดงบประมาณและค่าใช้จ่าย บริการรถหกล้อขนของในนครปฐม มีราคาที่เป็นไปได้และคุ้มค่า ทำให้คุณสามารถใช้บริการนี้ได้อย่างมั่นใจ

   
รถหกล้อรับจ้างขนของนครปฐม

บริการรถหกล้อขนของนครปฐม มีทีมงานมืออาชีพที่พร้อมรับจ้างในทุกช่วงเวลา ไม่ว่าคุณจะต้องการขนส่งในกลางวันหรือกลางคืน คุณสามารถพึงพอใจได้ในการใช้บริการนี้

การรับจ้างรถหกล้อขนของในนครปฐมเป็นทางเลือกที่สะดวกสบายและมีคุณภาพสำหรับการขนส่งของของคุณ ทีมงานมืออาชีพจะดูแลและรักษาความปลอดภัยของสินค้าของคุณ

   
บริการรถหกล้อขนของใกล้นครปฐม

การขนส่งของต้องใช้ความประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย บริการรถหกล้อขนของใกล้นครปฐม ทำให้คุณสามารถประหยัดเวลาและเงินได้อย่างมาก โดยไม่ต้องสูญเสียคุณภาพ

การเลือกบริการรถหกล้อขนของใกล้นครปฐมเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและคุณภาพสำหรับการขนส่งของของคุณ คุณสามารถเพิ่มความประหยัดและความสะดวกสบายในการขนส่งสินค้าของคุณรถ 6 ล้อรับจ้าง

   
รถหกล้อขนของในจังหวัดนครปฐม

นครปฐมเป็นพื้นที่ที่มีการขนส่งสินค้าอย่างต่อเนื่อง รถหกล้อขนของในจังหวัดนครปฐม มีความคุ้มค่าและคุณภาพที่ดี เพื่อตอบสนองความต้องการขนส่งของคุณ

การขนส่งของในนครปฐมมีความสำคัญและบทบาทสำคัญในการพัฒนาภูมิภาค การใช้บริการรถหกล้อขนของในจังหวัดนครปฐม จะช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจในพื้นที่นี้และส่งเสริมการพัฒนาต่อไป

   
บริการรถหกล้อในนครปฐม : ประสบการณ์และรีวิวจากลูกค้า

การตัดสินใจในการเลือก บริการรถหกล้อขนของนครปฐม มีความสำคัญมาก แต่ละรีวิวและประสบการณ์จากลูกค้าก่อนหน้านี้ เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าคุณจะได้รับคุณภาพและความพึงพอใจที่สูงสุดในการขนส่งของของคุณ

รีวิวและเรื่องราวจากผู้ใช้บริการเป็นสิ่งที่คุณสามารถใช้ในการตัดสินใจในการเลือกบริการรถหกล้อขนของในนครปฐม ด้วยข้อมูลจริงจากผู้ใช้บริการที่ผ่านมา เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้บริการที่ตรงกับความต้องการของคุณ

   
นครปฐม ขนส่งของ : อนาคตที่แสนมหัศจรรย์

การขนส่งของในนครปฐมจะไม่เพียงแค่เดินหน้า แต่ยังจะก้าวข้ามสู่อนาคตที่แสนมหัศจรรย์ ค้นพบแนวโน้มในการขนส่งสินค้าในอนาคตที่นครปฐม คุณภาพและมืออาชีพในนครปฐมยังคงเป็นเส้นทางที่คุณควรเลือกในการขนส่งของของคุณ

บริการรถหกล้อขนของในนครปฐมเป็นทางเลือกที่คุณควรคำนึงถึงอย่างจริงจัง ท่านจะได้รับประสบการณ์และความพึงพอใจที่สูงสุดในการขนส่งของของคุณ รับประกันคุณภาพและความพึงพอใจในการขนส่งของคุณด้วยบริการนี้

เชื่อมั่นได้เลย! ที่ "รถรับจ้างขนของนครปฐม" เรามุ่งมั่นให้บริการที่ดีที่สุดในการขนส่งสินค้าของคุณอย่างปลอดภัย รวดเร็ว และสะดวกสบายที่สุด รถรับจ้างขนของนครปฐมรถรับจ้างทั่วไป

ทีมงานของเรามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการดำเนินการขนส่งทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการย้ายออฟฟิศ ขนของใหญ่หรือเล็ก การจัดส่งสินค้าสำเร็จรูปหรือวัตถุดิบ เรามั่นใจว่าจะสามารถให้บริการที่คุณพึงพอใจได้ในทุกครั้งที่เลือกใช้บริการของเรา


ทำไมคุณควรเลือก "รถรับจ้างขนของนครปฐม"

    ความเชื่อมั่นในความปลอดภัย : เราให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของสินค้าของคุณเสมอ ด้วยการดูแลและความระมัดระวังอย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอนของการขนส่ง
    บริการที่ปรับเปลี่ยนได้ : เราพร้อมให้บริการที่สอดคล้องกับความต้องการของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการขนาดของสินค้า การเสนอราคาที่เหมาะสม หรือการจัดส่งในระยะเวลาที่คุณต้องการ
    ราคาที่เป็นกันเอง : เราให้บริการในราคาที่คุณสามารถเข้าถึงได้ โดยไม่เสียความคุ้มค่าและความเชื่อมั่นในคุณภาพ
    ความสะดวกสบาย : การติดต่อและการจัดการกับเราเป็นเรื่องง่าย ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญที่จะช่วยแก้ไขปัญหาและตอบข้อสงสัยของคุณ

เมื่อคุณเลือก "รถรับจ้างขนของนครปฐม" นี่คือบริการรถรับจ้างที่ดีที่สุด มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมกับเราวันนี้! อย่าลังเลที่จะติดต่อเราเพื่อขอใบเสนอราคาหรือข้อมูลเพิ่มเติมได้ทันที!

10
บริหารจัดการอาคาร: ข้อควรระวังในการติดตั้งกล้องวงจรปิด

การติดกล้องวงจรปิด เพื่อตรวจดูทรัพย์สินหรือสถานที่ของเรานั้น ถือว่าได้รับความนิยมมาก เพราะสามารถติดตั้งได้ง่าย แถมยังหาซื้อได้ง่ายและมีราคาไม่แพงอีกด้วย ซึ่งข้อดีหลักๆ ของการติดตั้งกล้องวงจรปิดเลยก็เพื่อป้องกันการเกิดการโจรกรรม เพราะเป็นตัวช่วยป้องกันการกระทำผิดได้ในเบื้องต้น หากมีกล้อวงจรปิดจับภาพอยู่อาจจะช่วยยับยั้งเหตุได้

ทั้งยัง ป้องกันเหตุร้ายในบ้านได้อีกด้วย ยิ่งถ้าหากบ้านไหนมีเด็กหรือผู้สูงอายุ เวลาที่เราไม่อยู่บ้าน หรือหากมีเหตุร้ายเกิดขึ้น ก็จะช่วยทำให้เราสามารถดูกล้องได้จากทุกที่ ซึ่งอาจช่วยให้เรารู้ตัวเร็วและระงับเหตุการณ์ร้ายๆ ได้ทันท่วงที ซึ่งถือว่าการติดตั้งกล้องวงจรปิดนั้น จะช่วยสร้างความสบายใจให้กับเจ้าของทรัพย์สินได้เป็นอย่างดี แต่ก็ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อที่จะได้ความคุ้มค่าในการใช้งาน และดีต่อจุดมุ่งหมายของเราในการใช้ แต่ในขณะเดียวกัน การติดตั้งกล้องวงจรปิดนั้น แม้จะมีประโยชน์ต่อทรัพย์สินของเรา แต่ก็ยังมีข้อเสียและข้อความระวังในการติดตั้งเช่นเดียวกัน ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของข้อควรระวังในการติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับคนที่สนใจอยากจะติดตั้งกล้องวงจรปิด


ต้องที่จะติดตั้งกล้องวงจรปิดนั้น สิ่งแรกที่ทึกคนจะต้องคำนึงก่อนก็คือเรื่องของปัญหาความเป็นส่วนตัว ยกตัวอย่างเช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิดอาจนำไปสู่ปัญหาการละเมิดความเป็นส่วนตัวได้ ดังนั้น จึงควรให้ความสำคัญกับเรื่องมุมกล้อง หากติดตั้งที่บริเวณบ้านตัวเองก็ควรติดในมุมที่ไม่ส่องไปยังบ้านของเพื่อนบ้าน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังต้องมีเรื่องของรายจ่ายเพิ่มขึ้นมา เพราะการเลือกติดตั้งกล้องวงจรปิดนั้น ไม่ได้จบเพียงแค่เสียค่าใช้จ่ายในการซื้อกล้องและค่าช่างที่มาติดตั้งเพียงเท่านั้น เพราะถ้าหากกล้องเสียหรือมีปัญหาก็จะมีค่าซ่อมบำรุงเพิ่มขึ้นมา แต่ถ้าหากเราเลือกบริการของบริษัทที่รับติดตั้งกล้องวงจรปิดที่มีบริการหลังการขายก็จะช่วยลดเรื่องค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้เพราะมีการรับประกันต่างๆได้


ซึ่งไม่ต้องมานั่งกังวลในปัญหาข้อนี้ และสำหรับข้อควรระวังในการติดตั้งกล้อง อันดับแรกเราจะต้องคำนึงถึงเรื่องของความปลอดภัยในทรัพย์สินของเรา แม้กระทั่งในขั้นตอนของการติดตั้งกล้อง เราจะต้องเลือกบริษัทรับติดตั้งกล้องวงจรปิดที่มีความน่าเชื่อถือ สามารถตรวจสอบได้ เพราะช่างที่ติดตั้งให้เรานั้นจะรู้รหัสผ่านในการเข้าดูกล้องวงจรปิดของเรา แม้ว่าเราก็สามารถเปลี่ยนรหัสผ่านใหม่ได้ แต่ก็ต้องระมัดระวังให้ดีเช่นกัน และข้อควรระวังอีกประการหนึ่งก็คือ แม้ว่าเราจะเป็นเจ้าของกล้องวงจรปิดก็ตาม แต่เราก็ไม่สามารถนำภาพของบุคคลไปเผยแพร่ต่อที่สาธารณะได้ ถ้าหากภาพนั้นยังไม่ได้รับการยินยอมจากบุคคลที่อยู่ในภาพ


ซึ่งต้องระมัดระวังในเรื่องของการเกิดคดีความด้วย อย่างไรก็ตาม ในการเลือกติดตั้งกล้องวงจรปิด เราก็ต้องชั่งใจดูว่า มีข้อดี ข้อเสีย และข้อควรระวังอะไรบ้าง ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจติดตั้งกล้องวงจรปิดได้พอสมควร แต่โดยรวมแล้วหากพิจารณาดีๆ การติดตั้งกล้องวงจรปิดล้วนเป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเองและสังคมรอบข้างอยู่ไม่น้อย เพราะจะช่วยให้ทรัพย์สินของเรามีความปลอดภัย แถมยังสร้างความสะดวกสบายใจ เวลาที่เราไม่ได้อยู่บ้าน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ ติดตั้งในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้ทั่วถึงก็จะเป้นผลดีต่อทรัพย์สินของเราเอง

 
หากสนใจจะติดตั้งกล้องวงจรปิด สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ เพราะเราเป็นผู้ให้บริการในเรื่องของความปลอดภัยของอาคารบ้านเรือน มีบริการติดตั้งระบบต่างๆภายในที่พักอาศัย ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้าต้นกำลังและระบบจ่ายไฟฟ้าภายในอาคาร ระบบสุขาภิบาล และระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบปรับอากาศ และหมุนเวียนอากาศ ระบบงานบำรุงรักษาโครงสร้างอาคาร ระบบป้องกันเพลิง และระบบสื่อสาร และกล้องวงจรปิด แถมยังสามารถวางแผนซ่อมบำรุงเชิงป้องกันที่เป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อให้ผลการบริหารจัดการของอาคารที่มีประสิทธิภาพ และอยู่ในงบประมาณที่สมเหตุสมผล ภายใต้ความปลอดภัยเพื่อให้ลูกค้ามีความสบายใจ และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด แถมยังมีบริการดูแล ซ่อมบำรุงให้ตามระยะเวลาที่กำหนดอีกด้วย

 

11
ลงประกาศได้ไม่จำกัด / Doctor At Home: หืด (Asthma)
« เมื่อ: วันที่ 21 ตุลาคม 2025, 20:34:18 น. »
Doctor At Home: หืด (Asthma)

หืด เป็นโรคทางเดินหายใจเรื้อรังชนิดหนึ่ง  ซึ่งมีภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นเนื่องจากหลอดลมตีบเป็นครั้งคราว  ทำให้มีอาการหายใจหอบเหนื่อย เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง  ส่วนมากมักจะไม่มีอันตรายร้ายแรง  ยกเว้นในรายที่เป็นมากหรือไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง  ก็อาจเกิดภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นอย่างถาวร  หรือมีอันตรายถึงตายได้

โรคนี้พบได้บ่อยในคนทุกวัย  มีความชุกสูงสุดในช่วงอายุ 10-12 ปี  ส่วนใหญ่มักมีอาการเกิดขึ้นครั้งแรกตั้งแต่อายุก่อน 5 ปี  ส่วนน้อยที่เกิดขึ้นครั้งแรกในวัยหนุ่มสาวและวัยสูงอายุ

ในบ้านเราเคยมีการสำรวจนักเรียนในกรุงเทพฯ  พบว่ามีความชุกของโรคนี้ประมาณร้อยละ 4-13

ในวัยเด็ก (ก่อนวัยหนุ่มสาว) พบในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิงประมาณ 1.5-2 เท่า

ทั่วโลกพบว่าโรคนี้มีแนวโน้มเกิดมากขึ้นในทุกประเทศ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมืองที่มีสิ่งแวดล้อม (ได้แก่ มลพิษและสารก่อภูมิแพ้) และวิถีชีวิตที่ส่งเสริมให้เกิดโรคนี้

สาเหตุ

เกิดจากปัจจัยร่วมกันหลายประการ ทั้งทางด้านกรรมพันธุ์ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การติดเชื้อ และสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้มีการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม ทำให้หลอดลมมีความไวต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ มากกว่าคนปกติ เป็นเหตุให้เกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อหลอดลม การบวมของเนื้อเยื่อผนังหลอดลม และการหลั่งเมือก (เสมหะ) มากในหลอดลม มีผลโดยรวมทำให้หลอดลมตีบแคบลง เกิดภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นชนิดผันกลับได้ (revesible) ซึ่งสามารถกลับคืนเป็นปกติได้เอง หรือภายหลังให้ยารักษา

บางรายอาจมีการอักเสบของหลอดลมอย่างต่อเนื่องนานเป็นแรมปี  หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง  โครงสร้างของหลอดลมจะค่อย ๆ เกิดการเปลี่ยนแปลง  จนในที่สุดมีความผิดปกติ (airway remodeling) ชนิดไม่ผันกลับ (irreversible) ทำให้เกิดภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นอย่างถาวร

ผู้ป่วยมักมีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้อื่น ๆ (เช่น หวัด ภูมิแพ้ ผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้) ร่วมด้วย และมักมีพ่อแม่ปู่ย่าตายายหรือญาติพี่น้องเป็นหืดหรือโรคภูมิแพ้อื่น ๆ

นอกจากนี้ยังพบปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้มากขึ้น ได้แก่ ภาวะน้ำหนักเกิน (ทำให้มีอาการกำเริบบ่อย และรุนแรงได้) ทารกคลอดก่อนกำหนด หรือน้ำหนักแรกเกิดน้อย ทารกที่มีมารดาสูบบุหรี่ขณะตั้งครรภ์ การติดเชื้อไวรัสตั้งแต่เล็ก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไวรัสอาร์เอสวี (ดู "โรคหลอดลมฝอยอักเสบ" เพิ่มเติม) การสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ (ได้แก่ ไรฝุ่นบ้าน) ปริมาณมากตั้งแต่ในช่วงขวบปีแรก

กลไกการตีบแคบของหลอดลมในโรคหืด

สาเหตุกระตุ้น 

ผู้ป่วยมักมีอาการกำเริบเมื่อมีสิ่งเร้าหรือสาเหตุกระตุ้น  ที่พบบ่อยได้แก่

    สารก่อภูมิแพ้ เช่น ละอองหญ้า วัชพืช  ละอองเกสรดอกไม้  ไรฝุ่นบ้าน (พบอยู่ตามพรม ที่นอน เฟอร์นิเจอร์หรือของเล่นที่ทำด้วยนุ่น หรือเป็นขน ๆ) เชื้อรา (พบสปอร์ตามพุ่มไม้  ในสวน ห้องน้ำ ห้องครัว ในที่ชื้น) แมลงสาบและสัตว์เลี้ยงในบ้าน (สารก่อภูมิแพ้อยู่ในน้ำลาย ขุยหนังที่ลอกหรือรังแค ขนสัตว์ ปัสสาวะ และมูลสัตว์) อาหาร (ได้แก่ นมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัว ไข่ กุ้ง หอย ปู ปลา ถั่วลิสง งา สีผสมอาหาร สารกันบูดในอาหาร)
    สิ่งระคายเคือง เช่น ควันบุหรี่ ควันท่อไอเสีย ควันไฟ ควันธูป ฝุ่นละออง มลพิษในอากาศ (ก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้ของรถยนต์ ก๊าซโอโซนที่พบมากในเมืองใหญ่) สเปรย์ ยาฆ่าแมลงหรือวัชพืช อากาศเย็นหรืออากาศเปลี่ยน กลิ่นฉุด ๆ สารเคมี (ภายในบ้าน ที่ทำงาน และโรงงาน)
    ยา ได้แก่ แอสไพริน  ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์  ยาลดความดันกลุ่มปิดกั้นบีตา 
    การติดเชื้อของทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ไซนัสอักเสบ ทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ หลอดลมฝอยอักเสบ เป็นต้น
    การออกกำลังกาย อาจชักนำให้เกิดอาการหอบหืดกำเริบในผู้ป่วยบางราย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การออกกำลังจนเหนื่อยหรือหักโหมเกินไป
    ความเครียดทางจิตใจ เช่น ความเครียดจากปัญหาเศรษฐกิจ การงาน ครอบครัว รวมทั้งอารมณ์ซึมเศร้า  ความเศร้าโศกจากการสูญเสียคนที่รัก  เป็นต้น
    ฮอร์โมนเพศ  พบว่าผู้หญิงระยะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ (puberty) ระยะก่อนมีประจำเดือน  หรือขณะตั้งครรภ์ มักมีโรคหืดกำเริบ  (ในช่วงสัปดาห์ที่ 24-36 ของการตั้งครรภ์)
    โรคกรดไหลย้อน น้ำย่อยหรือกรดที่ไหลย้อนลงไปในหลอดลมอาจทำให้โรคหืดกำเริบได้บ่อย

อาการ

มักมีอาการแน่นอึดอัดในหน้าอก หรือหอบเหนื่อยร่วมกับมีเสียงดังวี้ดคล้ายเสียงนกหวีด (ระยะแรกจะได้ยินช่วงหายใจออก ถ้าเป็นมากขึ้นจะได้ยินทั้งช่วงหายใจเข้าและออก) อาจมีอาการไอ ซึ่งมักมีเสมหะใสร่วมด้วย

บางรายอาจมีเพียงอาการแน่นอึดอัดในหน้าอก หรือไอเป็นหลักโดยไม่มีอาการอื่น ๆ ชัดเจนก็ได้ อาการไอดูคล้ายไข้หวัด หวัดภูมิแพ้ หรือหลอดลมอักเสบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะแรกเริ่มของโรคนี้ ผู้ป่วยอาจมีอาการไอมากตอนกลางคืนหรือเช้ามืด ในช่วงอากาศเย็นหรืออากาศเปลี่ยน หรือวิ่งเล่นมาก ๆ เด็กเล็กอาจไอมากจนอาเจียนออกมาเป็นเสมหะเหนียว ๆ และรู้สึกสบายหลังอาเจียน

ผู้ป่วยอาจมีอาการภูมิแพ้ เช่น คัดจมูก คันคอ เป็นหวัด จาม หรือผื่นคันร่วมด้วย หรือเคยมีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้มาก่อน

ในรายที่เป็นเพียงเล็กน้อยถึงปานกลาง มักจะมีอาการเป็นครั้งคราว และมักกำเริบทันทีเมื่อมีสาเหตุกระตุ้น ผู้ป่วยที่มีอาการหายใจลำบากจะลุกขึ้นนั่งฟุบกับโต๊ะหรือพนักเก้าอี้และหอบตัวโยน

ในรายที่เป็นรุนแรงมักมีอาการต่อเนื่องตลอดทั้งวันจนกว่าจะได้ยารักษา จึงจะรู้สึกหายใจโล่งสบายขึ้น

ในช่วงที่ไม่มีอาการกำเริบ ผู้ป่วยจะรู้สึกสบายเช่นคนปกติทั่วไป

ผู้ป่วยบางรายที่เป็นโรคหืดรุนแรง เช่น เคยหอบรุนแรงจนต้องไปรักษาที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลบ่อย เคยต้องใส่ท่อหายใจช่วยชีวิต ต้องใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดกินหรือฉีด หรือต้องใช้ยากระตุ้นบีตา 2 ชนิดออกฤทธิ์สั้น สูดมากกว่า 1-2 หลอด/เดือน ถ้าขาดการรักษาหรือได้รับยาไม่เพียงพอในการควบคุมอาการ  อาจมีอาการหอบอย่างต่อเนื่องเป็นชั่วโมง ๆ ถึงวัน ๆ แม้จะใช้ยารักษาตามปกติที่เคยใช้ ก็ไม่ได้ผล  เรียกว่า ภาวะหืดดื้อ หรือ หืดต่อเนื่อง  (status asthmaticus) ผู้ป่วยจะมีอาการหายใจลำบาก ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนและมีการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์ เกิดภาวะเลือดเป็นกรด มีอาการสับสน หมดสติ ในที่สุดหยุดหายใจ และหัวใจหยุดเต้น เสียชีวิตในเวลารวดเร็ว

อาการที่เข้าข่ายเป็นโรคหืด

ควรสงสัยว่าเป็นโรคหืด  ถ้าผู้ป่วยมีอาการข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีเสียงหายใจดังวี้ดคล้ายเสียงนกหวีดบ่อยครั้ง คือ มากกว่าเดือนละ 1 ครั้ง
    มีอาการไอ รู้สึกเหนื่อยง่าย หรือมีเสียงหายใจดังวี้ดขณะวิ่งเล่น  หรือออกกำลังกาย
    ไอตอนกลางคืน โดยที่ไม่ได้เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ
    มีอาการต่อเนื่องหลังอายุ 3 ปี
    อาการกำเริบหรือเป็นมากขึ้น เมื่อมีสิ่งเร้าหรือสาเหตุกระตุ้น เช่น ละอองเกสร  ขนสัตว์ สเปรย์ บุหรี่ ไรฝุ่นบ้าน ยา การติดเชื้อทางเดินหายใจ ออกกำลังกาย ความเครียด
    เวลาเป็นไข้หวัดมีอาการต่อเนื่องนานเกิน 10 วัน หรือมีอาการไอรุนแรง หรือไอนานกว่าคนอื่นที่เป็นไข้หวัด
    อาการดีขึ้นเมื่อใช้ยารักษาโรคหืด
    มีพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคหืดหรือโรคภูมิแพ้อื่น ๆ เช่น หวัดภูมิแพ้ ผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้

ภาวะแทรกซ้อน

ที่พบได้ค่อยข้างบ่อย ได้แก่ ภาวะหมดแรง (exhaustion) ภาวะขาดน้ำ ปอดแฟบ (atelectasis) การติดเชื้อ (หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ)

ที่ร้ายแรง คือ ภาวะการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน ซึ่งพบในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต

ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่อาจพบได้ เช่น ภาวะปอดทะลุ, ภาวะมีอากาศในประจันอกและใต้หนัง (mediastinal and subcutaneous emphysema), ภาวะหัวใจล้มเหลวดังที่เรียกว่า โรคหัวใจเหตุจากปอด (cor pulmonale), เป็นลมจากการไอ (tussive syncope), ภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นเรื้อรัง 

ในหญิงตั้งครรภ์ ถ้าเป็นโรคหืดที่ไม่สามารถควบคุมอาการได้ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ ทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักตัวน้อย ทารกตายระยะใกล้คลอดและหลังคลอด


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก

การตรวจร่างกายขณะที่ไม่มีอาการ มักจะไม่พบสิ่งผิดปกติ

ขณะที่มีอาการหอบ มักได้ยินเสียงหายใจดังวี้ด ๆ ใช้เครื่องฟังตรวจปอดจะได้ยินเสียงหายใจออกยาวกว่าปกติและมีเสียงวี้ด (wheezing) กระจายทั่วไปที่ปอดทั้ง 2 ข้างในช่วงหายใจออก (ถ้าหอบมากจะได้ยินเสียงวี้ดทั้งในช่วงหายใจเข้าและออก) ชีพจรเต้นเร็ว มักไม่มีไข้ ถ้ามีไข้แสดงว่าอาจมีโรคติดเชื้อ เช่น ไข้หวัด หลอดลมอักเสบร่วมด้วย หรืออาจมีปอดอักเสบแทรกซ้อน

ในรายที่เป็นรุนแรงจะมีอาการหอบรุนแรง ซี่โครงบุ๋ม แอ่งไหปลาร้าบุ๋ม ตัวเขียว สับสน หมดสติ ใช้เครื่องฟังปอดอาจไม่ได้ยินเสียงวี้ด เนื่องจากมีภาวะอุดกั้นรุนแรงจนลมหายใจผ่านเข้าออกน้อย

ในรายที่เป็นโรคหืดเรื้อรังมานานอาจพบหน้าอกมีความหนา (ความยาวจากด้านหน้าถึงด้านหลัง) กว่าปกติที่เรียกว่า อกโอ่ง บางรายอาจพบหน้าอกโป่งเหมือนอกไก่

ในการประเมินความรุนแรงของโรค แพทย์จะทำการทดสอบสมรรถภาพของปอด (ดูค่า FEV1 และ PEF)*

กรณีที่ยังวินิจฉัยไม่ได้ชัดเจน แพทย์อาจทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การสูดสาร methacholine กระตุ้นให้หลอดลมตีบ (methacholine challenge), การกระตุ้นให้อาการกำเริบด้วยการออกกำลังกาย หรือการสูดอากาศเย็น (provocative testing for exercise and cold-induced asthma), การทดสอบภาวะภูมิแพ้ (allergy testing) โดยการตรวจเลือดหรือทดสอบผิวหนัง การตรวจหาปริมาณอีโอซิโนฟิล (eosinophil ซึ่งเป็นเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง) ในเสมหะ, เอกซเรย์ปอด เป็นต้น

* FEV1 (forced expiratory in one second) หมายถึง ปริมาตรอากาศที่หายใจออกแรง ๆ ใน 1 วินาที โดยใช้เครื่องมือที่มีชื่อว่า เครื่องวัดปริมาตรอากาศหายใจ (spirometer)

PEF (peak expiratory flow) หมายถึง อัตราการไหลของลมหายใจออกสูงสุด หลังจากสูดหายใจเข้าเต็มที่ โดยใช้เครื่องมือที่มีชื่อว่า เครื่องวัดการไหลของลมหายใจออกสูงสุด (peak flow meter)


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษาดังนี้

1. เมื่อมีอาการหอบหืดกำเริบฉับพลัน ให้ยาขยายหลอดลมชนิดสูด (เช่น ยากระตุ้นบีตา 2) ทันที เพื่อบรรเทาอาการ ถ้ายังไม่ทุเลา สามารถให้ซ้ำได้อีก 1-2 ครั้งทุก 20 นาที

หากผู้ป่วยรู้สึกหายดี แพทย์จะทำการประเมินอาการ สาเหตุกระตุ้น และประวัติการรักษาอย่างละเอียด

2. ในกรณีที่มีประวัติเป็นโรคหืดและมียารักษาอยู่ประจำ ถ้าผู้ป่วยมีอาการตอนกลางวันไม่เกิน 2 ครั้ง/สัปดาห์ สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ  และไม่มีอาการตอนกลางคืน  ก็ให้การรักษาแบบกลุ่มที่ควบคุมโรคได้ (ดูตาราง "การแบ่งระดับของการควบคุมโรค") โดยให้ใช้ยาที่เคยใช้อยู่เดิมต่อไป

3. ในกรณีที่ผู้ป่วยเพิ่งมีอาการครั้งแรกและไม่เคยได้รับยารักษามาก่อน แพทย์จะให้ยารักษา (ส่วนใหญ่ใช้ยาชนิดสูดพ่นเป็นพื้นฐาน บางรายอาจให้ยาชนิดกินร่วมด้วย) ด้วยชนิดและขนาดมากน้อยตามระดับความรุนแรงของโรค นอกจากนี้แพทย์จะทำการตรวจสมรรถภาพของปอด  ให้สุขศึกษาและคำแนะนำในการปฏิบัติตัวต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีการใช้ยาที่ถูกต้อง และการหลีกเลี่ยงสาเหตุกระตุ้น

4. แพทย์จะติดตามผู้ป่วยทุก 1-3 เดือน เพื่อประเมินอาการและปรับเปลี่ยนการรักษาที่เหมาะสมตามอาการในแต่ละช่วง

5. แพทย์จะรับตัวผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล ถ้าผู้ป่วยมีอาการกำเริบและมีลักษณะข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้

    ไม่ตอบสนองต่อการรักษาข้างต้นภายใน 1-2 ชั่วโมง มีอาการหอบต่อเนื่องมานานหลายชั่วโมง หรือมีภาวะขาดน้ำร่วมด้วย
    มีอาการหอบรุนแรง ซี่โครงบุ๋ม ปากเขียว มีอาการสับสน ซึม หรือพูดไม่เป็นประโยค
    มีประวัติเคยเป็นโรคหืดรุนแรง เคยรับการรักษาในห้องอภิบาลผู้ป่วย (ไอซียู) เนื่องจากโรคหืดมาก่อน กำลังกินหรือเพิ่งหยุดกินยาสเตียรอยด์ หรือใช้ยาบีตา 2 ออกฤทธิ์สั้นสูดบ่อยกว่าทุก 3-4 ชั่วโมง
    มีอาการหอบเหนื่อยที่สงสัยว่าเกิดจากสาเหตุร้ายแรงอื่น ๆ เช่น เช่น มีไข้และใช้เครื่องฟังตรวจปอดมีเสียงกรอบแกรบ (crepitation) หรือสงสัยว่าเป็นปอดอักเสบ หรือหลอดลมฝอยอักเสบ, มีอาการเท้าบวม หลอดเลือดคอโป่ง ความดันโลหิตสูง หรือสงสัยมีภาวะหัวใจวาย, มีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง มีประวัติเป็นโรคหัวใจ หรือสงสัยเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย เป็นต้น ในกรณีนี้ แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น เอกซเรย์ปอด ตรวจสมรรถภาพของปอด ตรวจเลือด ตรวจเสมหะ ตรวจคลื่นหัวใจ เป็นต้น

6. ในรายที่วินิจฉัยว่าเป็นโรคหืดกำเริบรุนแรง หรือภาวะหืดต่อเนื่อง มีแนวทางในการรักษาดังนี้

    ให้ออกซิเจน และสารน้ำ (น้ำเกลือ)
    ให้ยาขยายหลอดลม ออกฤทธิ์สั้น ชนิดสูด
    ให้สเตียรอยด์ชนิดสูดในขนาดสูงกว่าเดิม
    ในรายที่มีอาการรุนแรงปานกลางและมากให้สเตียรอยด์ชนิดฉีดหรือกิน
    เมื่ออาการดีขึ้น (มักได้ผลภายใน 36-48 ชั่วโมง) ก็ให้กินต่อจนครบ 5 วัน
    ในรายที่หอบรุนแรงจนเกิดภาวะทางเดินหายใจล้มเหลว อาจต้องใส่ท่อหายใจและเครื่องช่วยหายใจและแก้ไขภาวะผิดปกติต่าง ๆ พร้อมกัน

เมื่อควบคุมอาการได้แล้ว แพทย์จะนัดติดตามดูอาการภายใน 2-4 สัปดาห์

7. ผู้ป่วยที่เป็นโรคหืดทุกราย แพทย์จะพิจารณาให้การรักษาระยะยาวเพื่อควบคุมอาการให้น้อยลง ป้องกันอาการกำเริบรุนแรงเฉียบพลัน ฟื้นฟูสมรรถภาพของปอดให้กลับคืนสู่ปกติ ป้องกันภาวะแทรกซ้อน ป้องกันการเกิดภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นอย่างถาวร โดยมีแนวทางการดูแลรักษาดังนี้

(1) ประเมินความรุนแรงของโรค โดยพิจารณาจากอาการแสดง (ความถี่ของอาการกำเริบตอนกลางวัน และตอนกลางคืน) ร่วมกับการตรวจสมรรถภาพของปอด (ดูค่า FEV1 และ PEF)*

(2) ให้ยารักษาโรคหืด ซึ่งมีอยู่ 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มยาบรรเทาอาการ ซึ่งเป็นยาที่ออกฤทธิ์ขยายหลอดลม (เช่น ยากระตุ้นบีตา 2) และกลุ่มยาควบคุมโรค ซึ่งเป็นยาที่ออกฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดการอักเสบและการบวมของผนังหลอดลม (เช่น ยาสเตียรอยด์) แพทย์จะเลือกใช้ชนิดและขนาดของยาตามระดับของการควบคุมโรค ดังนี้

    กลุ่มควบคุมได้ ให้การรักษาตามขั้นตอนเดิมต่อไปอย่างน้อย 3 เดือน แล้วค่อย ๆ ปรับลดยาลงทีละน้อย จนกว่าจะใช้การรักษาขั้นที่ต่ำสุดที่ยังสามารถควบคุมอาการได้
    กลุ่มควบคุมได้บางส่วน และกลุ่มควบคุมไม่ได้ แพทย์จะปรับเพิ่มขั้นตอนการรักษาจนกว่าจะสามารถควบคุมอาการได้ภายใน 1 เดือน โดยก่อนปรับยา จะทบทวนว่าผู้ป่วยมีการใช้ยาตามสั่ง และใช้ถูกวิธีหรือไม่ รวมทั้งได้หลีกเลี่ยงสาเหตุกระตุ้นหรือไม่ และแก้ไขให้ถูกต้องเสียก่อน

หลังจากควบคุมอาการได้แล้ว จะติดตามผลการรักษาต่อไปทุก 1-3 เดือน และปรับขั้นตอนการรักษาให้เหมาะกับระดับของการควบคุมโรค ซึ่งสามารถแปรเปลี่ยน (ดีขึ้นหรือเลวลง) ไปได้เรื่อย ๆ

ในเด็กที่มีสาเหตุจากสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้และอาการไม่ดีขึ้นหลังการใช้ยาหรือไม่สามารถทนต่อผลข้างเคียงของยา แพทย์อาจพิจารณาให้การรักษาด้วย การขจัดภูมิไว (desensitization)**

(3) ให้การรักษาโรคที่พบร่วม เช่น หวัดภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ ทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ โรคกรดไหลย้อน เป็นต้น

(4) แนะนำให้หลีกเลี่ยงสิ่งเร้าหรือสาเหตุกระตุ้นและการปฏิบัติตัวต่าง ๆ (อ่านเพิ่มเติมที่หัวข้อ "การป้องกัน" ด้านล่าง)

(5) ติดตามผลการรักษาผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องและทำการตรวจสมรรถภาพของปอดเป็นระยะ ในรายที่เป็นโรคหืดรุนแรงหรือมีอาการกำเริบบ่อย  แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยใช้เครื่องวัดการไหลของลมหายใจออกสูงสุด (peak flow meter)  ไปตรวจเองที่บ้านทุกวัน เพื่อตรวจภาวะหลอดลมตีบซึ่งจะพบก่อนมีอาการแสดงนานเป็นชั่วโมงถึงเป็นวัน ผู้ป่วยจะได้รีบใช้ยารักษาหรือไปพบแพทย์ปรับยาให้เหมาะสม  นอกจากนี้แพทย์ยังแนะนำให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละครั้ง

ผลการรักษา  ส่วนใหญ่สามารถควบคุมอาการได้ดี

ถ้ามีอาการเริ่มเป็นตั้งแต่วัยเด็ก เมื่อโตขึ้นหรือย่างเข้าวัยหนุ่มสาว อาการอาจทุเลาจนสามารถหยุดการใช้ยาสูดบรรเทาอาการได้ แต่บางรายเมื่ออายุมากขึ้นก็อาจมีอาการกำเริบได้อีก

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยกลุ่มนี้อาจมีการอักเสบของหลอดลมอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ไม่มีอาการหอบเหนื่อยแล้ว หากขาดการให้ยาควบคุมโรค (ลดการอักเสบ) ก็อาจเกิดภาวะทางเดินหายใจผิดปกติและอุดกั้นในระยะยาวได้ ดังนั้น ถึงแม้จะมีอาการทุเลาแล้วก็ควรติดตามรักษากับแพทย์อย่างต่อเนื่อง

ส่วนในรายที่มีอาการมาก จำเป็นต้องได้รับยาอย่างเพียงพอ หากขาดยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับยาสเตียรอยด์มาก่อน ก็อาจมีอาการกำเริบรุนแรงเฉียบพลัน ถึงขั้นกลายเป็นภาวะหืดดื้อ เป็นอันตรายได้

ปัจจุบันพบว่า ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องจะมีอัตราตายต่ำ

* FEV1 (forced expiratory in one second) หมายถึง ปริมาตรอากาศที่หายใจออกแรง ๆ ใน 1 วินาที โดยใช้เครื่องมือที่มีชื่อว่า เครื่องวัดปริมาตรอากาศหายใจ (spirometer)

PEF (peak expiratory flow) หมายถึง อัตราการไหลของลมหายใจออกสูงสุด หลังจากสูดหายใจเข้าเต็มที่ โดยใช้เครื่องมือที่มีชื่อว่า เครื่องวัดการไหลของลมหายใจออกสูงสุด (peak flow meter)

** บางครั้งก็เรียกว่า อิมมูนบำบัด (immunotherapy) โดยการฉีดยาทดสอบว่าแพ้สารอะไร  แล้วฉีดสารนั้นทีละน้อย ๆ แต่บ่อย ๆ เพื่อลดการแพ้ วิธีนี้ใช้ได้ผลดีในเด็ก  ส่วนในผู้ใหญ่ได้ผลไม่สู้ดี  ข้อเสียคือ  ต้องใช้เวลารักษานาน  ราคาแพง  และอาจมีอาการแพ้ที่รุนแรงถึงขั้นเกิดภาวะช็อกจากการแพ้ (anaphylactic shock) หรือโรคหืดกำเริบรุนแรงได้ จำเป็นต้องฉีดในที่ ๆ มีความพร้อมในการช่วยเหลือถ้าเกิดการแพ้  โดยหลังฉีดสารบำบัดแต่ละครั้งควรเฝ้าสังเกตดูอาการอย่างน้อย 30 นาที


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการแน่นอึดอัดในหน้าอก หรือหอบเหนื่อยร่วมกับมีเสียงดังวี้ด ๆ คล้ายเสียงนกหวีด หรือผู้ที่มีประวัติใช้ยารักษาโรคหืดอยู่เป็นประจำ มีอาการหอบหืดกำเริบทั้งที่ได้ใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำ ควรรีบไปพบแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคหืด ควรดูแลตนเองดังนี้

1. ปฏิบัติตัวตามที่แพทย์แนะนำ ดังนี้

    ติดตามรักษากับแพทย์เป็นประจำ ตรวจสมรรถภาพของปอดเป็นระยะ ใช้เครื่องวัดการไหลของลมหายใจออกสูงสุด (peak flow meter) ตรวจเองที่บ้านทุกวัน (สำหรับผู้ที่แพทย์แนะนำ) เรียนรู้วิธีใช้ยาให้ถูกต้อง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีสูดพ่นยา หากทำไม่ถูก การรักษาก็จะไม่ได้ผล) และใช้ยาตามขนาดที่แพทย์แนะนำ
    พกยาบรรเทาอาการติดตัวเป็นประจำ หากมีอาการกำเริบ ให้รีบสูดยา 2-4 หน (puff) ทันที ถ้าไม่ทุเลาอาจสูดซ้ำทุก 20 นาที อีก 1-2 ครั้ง ถ้ายังไม่ทุเลาควรไปพบแพทย์โดยเร็ว อย่าปล่อยให้หอบนานอาจเป็นอันตรายได้
    ดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ อย่าให้ขาดน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่ไอมีเสมหะเหนียว หรือมีอาการหอบเหนื่อย
    ทุกครั้งที่สูดยาสเตียรอยด์ ควรบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ยาตกค้างที่คอหอย ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคเชื้อราในช่องปาก (ดู "โรคเชื้อราในช่องปาก มุมปากเปื่อยจากเชื้อรา" เพิ่มเติม)
    อย่าซื้อยาชุดหรือยาลูกกลอนมาใช้เอง เพราะยาเหล่านี้มักมีสเตียรอยด์ผสม แม้ว่าอาจจะใช้ได้ผล แต่ต้องใช้เป็นประจำ ซึ่งทำให้มีผลข้างเคียงร้ายแรงตามมาได้  อย่างไรก็ตาม ถ้าเคยใช้ยาเหล่านี้มานาน ห้ามหยุดยาทันที อาจทำให้มีอาการหอบกำเริบรุนแรงหรือเกิดภาวะต่อมหมวกไตวิกฤติ (ดู "โรคช็อก" เพิ่มเติม) ได้ ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อหาทางค่อย ๆ ปรับลดยาลง
    ฝึกหายใจเข้าออกลึก ๆ (โดยการเป่าลมออกทางปาก ให้ลมในปอดออกให้มากที่สุด) เป็นประจำ จะทำให้รู้สึกปลอดโปร่งสดชื่น อาจช่วยให้อาการดีขึ้นได้
    ลดน้ำหนัก ถ้ามีน้ำหนักเกิน

2. ถึงแม้อาการทุเลาแล้ว ก็ห้ามหยุดยา หรือปรับลดยาเองตามอำเภอใจ จนกว่าแพทย์จะสั่งปรับยาให้ มิเช่นนั้น อาจทำให้โรคกำเริบรุนแรง เป็นอันตรายได้

3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้และสิ่งระคายเคือง กระตุ้นให้โรคกำเริบ (อ่านเพิ่มที่หัวข้อ "การป้องกัน" ข้อที่ 1 หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้และสิ่งระคายเคือง)

4. หากมีอาการไม่สบาย ไม่ว่าจะเป็นอะไร ควรปรึกษาแพทย์และใช้ยาที่แพทย์แนะนำเท่านั้น ไม่ควรซื้อยามาใช้เอง เพราะอาจทำให้โรคหืดกำเริบ หรือเป็นอันตรายได้

5. ผู้ที่มีอาการกรดไหลย้อน ซึ่งอาจกระตุ้นโรคหืดกำเริบได้ ควรกินยารักษาและปฏิบัติตัวในการป้องกันไม่ให้เกิดอาการกรดไหลย้อน

6. หมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ด้วยการออกกำลังกายที่เหมาะสม บำรุงอาหารสุขภาพ รู้จักผ่อนคลายความเครียด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

7. ควรไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีไข้สูง หรือมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย
    มีอาการหอบหืดกำเริบ 
    เจ็บแน่นหน้าอก 
    ไอมีเสมหะข้นเหลืองหรือเขียว
    มีอาการไม่สบายที่จำเป็นต้องใช้ยารักษา ห้ามซื้อยามาใช้เอง เพราะมียาหลายชนิดที่ทำให้หอบหืดกำเริบได้
    ขาดยารักษาโรคหืด เช่น ยาหาย ยาหมดก่อนวันนัด
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

สำหรับผู้ป่วยโรคหืด อาจป้องกันไม่ให้มีอาการหอบหืดกำเริบโดยการปฏิบัติดังนี้

1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้และสิ่งระคายเคือง ทั้งในบ้าน ที่ทำงาน และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสาเหตุกระตุ้นให้อาการกำเริบ (โดยสังเกตว่า มักมีอาการกำเริบในเวลาใด สถานที่ใด และหลังสัมผัสถูกอะไร) ดังนี้

    กำจัดไรฝุ่นบ้าน โดยการหลีกเลี่ยงการใช้ที่นอน หมอน ผ้าห่ม เฟอร์นิเจอร์ และของเล่นที่ทำด้วยนุ่น หรือเป็นขน ๆ ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรห่อหุ้มด้วยวัสดุกันไรฝุ่น หรือใช้วัสดุที่สามารถป้องกันไรฝุ่น (เช่น ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ผ้าม่านที่ไม่สะสมไรฝุ่น), ซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งด้วยน้ำอุ่น (มากกว่า 55 องศาเซลเซียส), ไม่ควรปูพรมตามพื้นห้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในห้องนอน ถ้ายังปูพรมควรใช้เสื่อน้ำมันปูทับให้ทั่ว ให้ขอบชิดผนังห้องทุกด้าน
    หลีกเลี่ยงการเล่นคลุกคลีกับสัตว์เลี้ยง (เช่น สุนัข แมว หนู นก) ถ้าเลี้ยงสัตว์เลี้ยงควรให้อยู่นอกบ้าน อย่านำเข้ามาในบ้านและห้องนอน และควรจับอาบน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
    กำจัดแมลงสาบในบ้านโดยใช้กับดัก ถ้าใช้ยาฉีดพ่น อย่าให้ผู้ป่วยอยู่ในบ้าน เพราะยาฉีดพ่นอาจกระตุ้นให้หอบได้  ควรเก็บเศษอาหารไว้ในถุงที่มิดชิดอย่าให้แมลงสาบตอม
    หลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อรา โดยการทำความสะอาดห้องน้ำ  ห้องครัว อย่าให้มีน้ำขัง  ใช้พัดลมดูดอากาศ  และทำให้มีการถ่ายเทอากาศได้ดี  หลีกเลี่ยงการเข้าไปในที่อับชื้น (เช่น ห้องใต้ดิน) และพุ่มไม้  ไม่ปลูกต้นไม้ภายในบ้าน ไม่ใช้วอลเปเปอร์และพรมในห้องน้ำ
    ช่วงที่มีละอองเกสรมาก หรือตัดหญ้า ควรหลบเข้ามาอยู่ในบ้าน และปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด  ควรใช้เครื่องปรับอากาศ และล้างไส้กรองเดือนละครั้ง
    ถ้าจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ควรให้ผู้ป่วยกินยาแก้แพ้ก่อนออกนอกบ้าน และหลังจากกลับเข้าบ้านควรอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที  อย่าตากเสื้อผ้าในที่กลางแจ้ง
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ การสูดควันบุหรี่ และควันต่าง ๆ  ควรห้ามบุคคลในบ้านสูบบุหรี่ ห้ามใช้ฟืนในการหุงต้มและผิงไฟ
    หลีกเลี่ยงการดมกลิ่นสี น้ำหอม สเปรย์ กาว น้ำยาฆ่าเชื้อ สารเคมี เป็นต้น
    หลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่นและสารเคมีในโรงงานหรือที่ทำงาน โดยจัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย และใช้อุปกรณ์ป้องกัน แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้และทำให้หอบบ่อย ควรย้ายสถานที่ทำงานหรือเปลี่ยนงานที่ไม่ต้องสัมผัสกับสาเหตุกระตุ้น
    หมั่นล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะหลังจากหยิบจับสิ่งที่สะสมของไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ (เช่น ละอองเกสร ขนสัตว์)
    หลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพริน ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ และยาลดความดันกลุ่มปิดกั้นบีตา เวลาพบแพทย์ด้วยโรคอื่น ควรแจ้งให้แพทย์ทราบว่าเป็นโรคหืดอยู่ เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงการใช้ยาเหล่านี้

12
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


13
จัดฟันบางนา: อันตราย ผู้หญิง มีโอกาสเสี่ยงโรคช่องปากร้ายสูง

เชื่อว่าหลายๆท่านคงจะทราบเป็นอย่างดีแล้วว่า สุขภาพช่องปากนั้นมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน และการเข้าสังคมส่วนหนึ่งเป็นอย่างมาก การดูแลสุขภาพช่องปากให้ดีอยู่เสมอไม่ใช่เพียงแค่ดูแลฟัน แต่ต้องให้ทุกส่วนในช่องปากไม่ว่าจะเหงือก ลิ้น กระพุ้งแก้ม และกระดูกขากรรไกร ไม่ให้เกิดอาการผิดปกติด้วยจึงจะเรียกว่า สุขภาพช่องปากดี

จากการศึกษาวิจัยเรื่องทันตกรรมในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้พบสิ่งที่น่าตกใจเป็นอย่างมากนั่นก็คือ ผู้หญิงเป็นอันดับหนึ่งของการเกิดโรคในช่องปาก รวมถึงโรครุนแรงในร่างกายที่มีผลมาจากสุขภาพช่องปากด้วยเช่นกัน จากการศึกษาไม่ได้ชี้ว่าผู้หญิงไม่ดูแลสุขภาพช่องปากหรืออย่างไร แต่เป็นเพราะลักษณะธรรมชาติของร่างกายผู้หญิงที่มีการเปลี่ยนแปลงมากกว่าผู้ชาย จึงส่งผลเสียโดยตรงต่อสุขภาพช่องปากด้วยเช่นกัน

ซึ่งในวันนี้จะขอพาท่านผู้อ่านมาทราบถึงภัยร้ายในช่องปากมากมาย รวมถึงผลกระทบที่ร่างกายอาจได้รับซึ่งมีต้นเหตุจากสุขภาพช่องปาก ให้ท่านผู้อ่านได้เตรียมตัวระวังอันตรายเหล่านั้น โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้


ความเปลี่ยนแปลงของผู้หญิง ที่ส่งผลต่อสุขภาพช่องปาก ?

ต้องบอกเลยว่าในแต่ละช่วงชีวิตเวลาของผู้หญิงนั้นมีการเปลี่ยนแปลงมากมายตามธรรมชาติต่างกับผู้ชาย ผู้หญิงจึงจะต้องดูแลสุขภาพช่องปากเป็นพิเศษอยู่เสมอ เพราะการเปลี่ยนแปลงต่างๆในร่างกายผู้หญิงจะส่งผลโดยตรงต่อเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก ทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงพฤติกรรมตามธรรมชาติของผู้หญิงในบางช่วงยิ่งเป็นการส่งเสริมการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรคต่างๆในช่องปากอีกด้วย และช่วงระยะเวลาไหนบ้างที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพช่องปาก ลองไปดูกันดีกว่า

– ช่วงมีประจำเดือน

ต้องบอกเลยว่าผู้หญิงหลายๆท่านคงเคยมีอาการเหงือกบวมหรือเหงือกมีเลือดออกในช่วงก่อนที่จะมีประจำเดือนไม่นาน หรือบางท่านอาจจะมีอาการปากแห้ง ปากแตก หรือมีแผลร้อนใน แต่อาการต่างๆเหล่านี้นั้นจะหายไปเองตามธรรมชาติหลังจากที่ประจำเดือนมาแล้ว

– การใช้ยาคุมกำเนิด

สำหรับผู้หญิงที่มักรับประทานยาคุมเป็นประจำ จะพบได้ว่าเหงือกจะมีอาการบวมแดง และอาจจะมีเลือดไหลร่วมด้วยหลังจากที่รับประทานยาคุม

– การตั้งครรภ์

งานวิจัยทั่วโลกชี้ตรงกันในเรื่องนี้ว่า หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเหงือกอักเสบในระหว่างตั้งครรภ์เนื่องจากในขณะที่ตั้งครรภ์ฮอร์โมนจะทำให้เชื้อแบคทีเรียในช่องปากเจริญเติบโตไว บวกกับพฤติกรรมการแพ้ท้อง ทำให้เกิดคราบแบคทีเรียสะสมได้อย่างรวดเร็วกว่าปกติ การรักษาช่องปากก่อนการตั้งครรภ์จึงถือว่าเป็นหนึ่งในสิ่งจำเป็นในการเตรียมตัวมีบุตร

– ช่วงหมดประจำเดือน

อาการเกี่ยวกับช่องปากที่พบมากในผู้หญิงช่วงหมดประจำเดือนก็คือ เหงือกบวมแดง อาการเจ็บปวดและรู้สึกไม่สบายในช่องปาก การรับรสผิดปกติ  รวมถึงอาการปากแห้งปากแตก


โรคร้ายแรงที่มีผลมากจากสุขภาพในช่องปากไม่ดี ?

โรคหัวใจ

สำหรับผู้ที่เป็นโรคเหงือกมีโอกาสเสี่ยงต่อโรคหัวใจสูง และมีโอกาสเกิดหัวใจวายได้ 2 เท่า ซึ่งในอเมริกาพบว่า ผู้หญิงเสียชีวิตด้วยโรคนี้เป็นอันดับหนึ่ง


เส้นเลือดในสมองแตก

มีงานวิจัยหลายฉบับชี้ชัดว่า การติดเชื้อในช่องปากนั้นมีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเสื้อนเลือดสมองแตก หรือ อุดตันได้


เบาหวาน

ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมีโอกาสที่จะเป็นโรคเหงือกได้สูงกว่าคนปกติ และถือว่าเป็นการยากมากที่จะรักษาระดับน้ำตาลในเลือด โรคเหงือกก็ยังทำให้เป็นโรคเบาหวานได้เช่นกัน


ปัญหาระบบทางเดินหายใจ

แบคทีเรียในช่องปากที่เกิดจากฟันผุสามารถที่จะเดินทางไปยังปอด และสามารถก่อให้เกิดโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใน เช่น ปอดบวม โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคเหงือกมีโอกาสเสี่ยมเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว


ผลต่อการตั้งครรภ์

สำหรับผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ และมีโรคเหงือกร่วมด้วยในขณะนั้นมีโอกาสที่ทารกจะคลอดก่อนกำหนดและมีน้ำหนักน้อย โรคเหงือกทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของสารคัดหลั่งและกระตุ้นให้เกิดการคลอดได้ง่ายขึ้น

ต้องบอกเลยว่าหลายๆโรคนั้นอันตรายและรุนแรงเอามากๆ อาจจะส่งผลถึงชีวิตได้ และโรคต่างๆเหล่านี้จะไม่มีการส่งสัญญา โรคเหงือกโดยทั่วไปจะไม่มีความเจ็บปวด จึงทำให้เกิดความละเลยปล่อยจนลุกลามรุนแรงไปแล้วนั่นเอง ทางที่ดีควรเข้าพบทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุก 6 เดือนเป็นอย่างน้อย เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีของคุณ

14
รถกระบะรับจ้างจังหวัดนครราชสีมา ทุกชนิด รับจ้างขนของ รับจ้างพร้อมพนักงาน

บริการ รถรับจ้างจังหวัดนครราชสีมา ราคาถูก ประหยัด คุณภาพดี เป็นกันเอง มีเที่ยวบริการ รถรับจ้าง ขนย้ายของทั่วไปวิ่งทั่วไทย จากทีมงานคุณภาพไม่ว่าจะเป็น รถกระบะรับจ้างจังหวัดนครราชสีมา รถหกล้อรับจ้างจังหวัดนครราชสีมา รถสิบล้อรับจ้างจังหวัดนครราชสีมา รถพ่วงรับจ้างจังหวัดนครราชสีมา รถเฮี๊ยบรับจ้างจังหวัดนครราชสีมา และ รถรับจ้างขนของทั่วไป ในจังหวัด เราให้บริการรถรับจ้างมายาวนาน ทำให้เรารู้ถึงความต้องการของลูกค้าและการช่วยแก้ปัญหาในกรณีที่เป็น

งาน ขนย้ายเร่งด่วนหรืองานขนย้ายที่ต้องใช้ความชำนาญและรายละเอียดในการจัดการเรื่องสินค้า ไม่ว่างานขนย้ายบ้าน ขนย้ายของ รับจ้างขนของทั่วไป  ขนย้ายวัตถุดิบทางการเกษตร ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ ขนย้ายเครื่องจักรโรงงานขนย้ายสินค้าโรงงาน ทุกงานบริการ เรามีความมั่นใจและมีความสามารถจากประสบการณ์ในด้านการขนย้ายมากกว่า 10 ปีทำให้เรารู้ว่าการขนย้ายประเภทเหล่านี้ เราสามารถที่จะจัดการหรือดูหน้างาน และกำหนด  รถรับจ้างขนของ ว่าจะต้องใช้ขนาดอะไร

รถรับจ้างจังหวัดนครราชสีมา ทำให้ลูกค้าไม่ต้องกังวลใจ รถที่เราเลือกให้จะ มีขนาดที่ใหญ่หรือเล็กเกินไปหรือเปล่า ที่สำคัญการใช้รถรับจ้างขนของที่มีขนาดพอดีกับสินค้าจะทำให้ท่านประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนย้ายมากพอสมควร ดังนั้นแล้ว ก่อนที่เราจะแจ้งค่าใช้บริการเราอาจจะมีข้อมูลในการสอบถามท่านเบื้องต้นเพียงแค่

1 ขนย้ายอะไร

2 คนย้ายจากที่ไหนไปที่ไหน

3 ต้องการคนยกด้วยหรือไม่

4 สินค้าที่จะขน อยู่ ชั้น 1 หรือชั้นสูงหรือไม่

5 ต้องการขนย้ายวันไหน

6 ต้องการใช้รถอะไร

7 ท่านมีงบประมาณในการขนย้ายครั้งนี้อยู่ที่เท่าไหร่

นี่จะเป็น คำถาม ที่เราอาจจะต้องสอบถามท่านก่อนการ ใจเสนอราคาโดยเฉพาะข้อ7 เราอยากให้ท่าน จ่าย ค่าบริการ ไม่ให้เกินงบดุลที่ท่านตั้งไว้จะได้ไม่ต้องเป็นภาระให้แก่ท่าน ลองโทรเข้ามาคุยกันก่อนติดขัดอะไรบอกเราได้เราเสนอราคาไม่แพงอยู่แล้วที่สำคัญงานทุกงานที่เราให้บริการ ลูกค้าต่างมาชมเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า เป็นงานที่ดีมีคุณภาพราคาไม่แพงหรือจะสามารถเช็คราคากับเราก่อนตัดสินใจได้

บริการที่ซื่อตรงตรงไปตรงมาราคาไม่แพง คุณภาพครบ

สำหรับท่านที่ต้องการเดินทางมายังจังหวัดนครราชสีมาไม่ว่าจะด้วยเหตุผลว่าต้องการมาท่องเที่ยว เพราะจังหวัดนี้มีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามมากมายทางธรรมชาติ และในแต่ละเดือนเขาจะมีเทศกาล ที่จะโปรโมทการท่องเที่ยวมากมาย อย่างเช่นช่วงนี้เป็นฤดูหนาว ก็จะเป็นเทศกาลที่ สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปสวยๆ ก็ต้องไปชม เทศกาลดอกไม้บาน ช่วงนี้จะสวยมาก ซึ่ง เรามีที่แนะนำให้แก่ท่านได้แก่งาน

1 งานดอกไม้ฟลอร่าพาร์ค จะเป็นงานเชิงแสดงดอกไม้คู่กับงานศิลปะ มีเนื้อที่กว่า 70 ไร่

2 เที่ยวชมจิมทอมป์สันฟาร์มทัวร์ ท่านจะได้เยี่ยมชม วิถีชีวิตคนอีสาน ที่จะ มาให้ท่านได้ดูว่า วิถีชีวิตของคนอีสานเป็นยังไงบ้างและมีกิจกรรมอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการทอผ้าไหม อาหารอีสานดั้งเดิม เป็นต้น

3 กินเที่ยวชมอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่สำหรับไทยที่ต้องการ ไปรับอากาศเย็นๆที่บริสุทธิ์บนเขาใหญ่ดูหมอกสวยๆ ถ่ายวิวสวยๆเยี่ยมชมน้ำตกมากมายเช่นน้ำตกผากล้วยไม้น้ำตกเหวสุวัต น้ำตกเหวนรก

ต้องบอกเวลาจังหวัดนครราชสีมา เป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม รับรองว่าท่านมาที่นี่ที่เดียว เที่ยวครอบคลุมครบแน่นอน หากท่านต้องการ ขนย้ายของ ขนย้ายบ้าน เราก็มีทีมงานรับจ้างส่งของโดย รถขนของรับจ้าง ทีใหม่ ดีสะอาด สภาพเยี่ยม พร้อมพนักงานยกของบริการท่านตลอด 24 ชั่วโมง ลองโทรมาปรึกษากันดูนะครับ เรายินดีให้บริการท่าน ทุกวันและเวลา จุดให้บริการ รถรับจ้างขนของจังหวัดนครราชสีมา ของเรามีมากมายหลายจุด


งานขนย้ายของ

เราจะพยายามจัดสรรรถ ให้กระจายไปทั่วทุกอำเภอเพื่อให้ลูกค้าในแต่ละจุดสามารถได้ใช้รถรับจ้างได้อย่าง ทั่วถึงจุดหลักที่ให้บริการรถรับจ้าง ทั้ง รถกระบะรับจ้าง รถ6ล้อรับจ้าง รถ10ล้อรับจ้าง และรถรับจ้างขนของ อื่นๆในขณะนี้ได้แก่

    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอเมืองนครราชสีมา
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอแก้งสนามนาง
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอขามทะเลสอ
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอขามสะแกแสง
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอคง       
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอครบุรี
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอจักราช
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอเฉลิมพระเกียรติ์
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอโชคชัย
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอชุมพวง
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอด่านขุนทด
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอเทพารักษ์
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอโนนไทย
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอโนนสูง
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอโนนแดง
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอบังลาย
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอบัวใหญ่
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอบ้านเหลื่อม
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอประทาย
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอปักธงชัย
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอปากช่อง
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอพระทองคำ
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอพิมาย
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอเมืองยาง
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอลำทะเมนชัย
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอวังน้ำเขียว
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอเสิงสาง
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอสี่คิ้ว
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอสีดา
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอสูงเนิน
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอหนองบุญมาก
    รถรับจ้าง ทุกชนิดเขตอำเภอห้วยแถลง

15
ไหว้พระ ทำบุญ วัดพระธาตุลำปางหลวง ถวาย ดอกบัวในโถแก้ว เข้าวิหารพระพุทธ

ไหว้พระ ทำบุญ กับไร่หนึ่งอรุณ เราจะพาทุกคนไปร่วมถวาย ดอกบัวในโถแก้ว เข้าวิหารพระพุทธ ทำบุญถวายสังฆทาน ณ วัดพระธาตุลำปางหลวง จังหวัดลำปาง วัดพระธาตุลำปางหลวงเป็นวัดไม้ที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย งดงามด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่มากมาย ตั้งอยู่ในตำบลลำปางหลวง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง ห่างจากตัวเมืองลำปางประมาณ 18 กิโลเมตร

วัดพระธาตุลำปางหลวงเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีฉลู และมีความเชื่อว่าผู้ที่เกิดปีฉลูควรมาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล วัดพระธาตุลำปางหลวงมีประวัติยาวนานกว่า 500 ปี และเป็นศูนย์กลางของความเชื่อและศรัทธาของชาวล้านนา ตามตำนานกล่าวว่าในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระเถระสามองค์ได้เสด็จจาริกไปถึงบ้านลัมภะการีวัน (บ้านลำปางหลวง) และได้ประทับเหนือดอยม่อนน้อย

🛕 ตำนานพระพุทธเจ้าเสด็จมาเยือนวัดพระธาตุลำปางหลวง

ในอดีตกาล สมัยพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ ได้ทรงเสด็จจาริกแสดงธรรมยังดินแดนต่างๆ พร้อมด้วยพระสาวก 500 รูป เมื่อเดินทางมาถึง บ้านลัมภะการีวัน (บริเวณที่เป็นวัดพระธาตุลำปางหลวงในปัจจุบัน) ได้เสด็จประทับนั่งบน ดอยม่อนน้อย ซึ่งอยู่ใกล้กับบริเวณวัด

พระพุทธเจ้าได้ทรงพิจารณาเห็นว่า บริเวณนี้เป็นชัยภูมิที่ดี เหมาะแก่การสร้างพระธาตุเจดีย์ในภายภาคหน้า และได้ตรัสพยากรณ์ว่า: “ต่อไปในอนาคต จะมีพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของเราประดิษฐาน ณ ที่แห่งนี้”

เมื่อพระองค์ตรัสจบแล้ว ทวยเทพ เทวดา และมนุษย์ทั้งหลายต่างแซ่ซ้องสาธุการ และพื้นที่ตรงนั้นก็กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

ตามตำนานท้องถิ่นของ วัดพระธาตุลำปางหลวง กล่าวไว้ว่า เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับ ณ ดอยม่อนน้อย ทรงได้แสดงธรรมแก่ชาวบ้านและพระเถระ แล้วได้มอบ พระเกศาธาตุ (เส้นพระเกศา) ให้กับ ปู่เจ้าลัวะ หรือที่เรียกในบางตำนานว่า “พญาลัวะหนานคำแดง” ซึ่งเป็นผู้นำชาวลัวะในพื้นที่ ณ ขณะนั้น

พญาลัวะได้เก็บรักษาพระเกศาธาตุไว้ด้วยความเคารพศรัทธา และต่อมาได้เป็นผู้ริเริ่ม สร้างเจดีย์เพื่อบรรจุพระเกศาธาตุ บนยอดดอยม่อนน้อย ซึ่งภายหลังกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และพัฒนาเป็น วัดพระธาตุลำปางหลวง ในเวลาต่อมา

สถาปัตยกรรมและจุดเด่น

    องค์พระธาตุเจดีย์: เป็นเจดีย์ทรงล้านนา ก่ออิฐถือปูน หุ้มด้วยแผ่นทองเหลืองฉลุลายหรือที่เรียกว่าทองจังโก

    วิหารหลวง: วิหารประธานของวัด ตั้งอยู่บนแนวเดียวกับประตูโขงและองค์พระธาตุเจดีย์

    วิหารน้ำแต้ม: วิหารบริวารตั้งอยู่ทางทิศเหนือขององค์พระธาตุเจดีย์ มีภาพเขียนสีโบราณที่เก่าแก่

    หอพระพุทธ: เป็นสถาปัตยกรรมก่ออิฐทรงสี่เหลี่ยม ภายในมองเห็นแสงหักเห ปรากฏเป็นเงาพระธาตุและพระวิหารในด้านมุมกลับ

    กุฏิพระแก้ว: เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ไม่ปรากฏว่าใครเป็นผู้สร้างและสร้างเมื่อใด แต่ประมาณอายุไม่ต่ำกว่า 400 ปี

    วิหารพระเจ้าศิลา: เป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าศิลาซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงละโว้
    พิพิธภัณฑ์: รวบรวมศิลปวัตถุจากที่ต่างๆ ที่หาชมได้ยาก เช่น สังเค็ด ธรรมาสน์ คานหาบ ตู้พระไตรปิฎก เป็นต้น

เวลาทำการ

นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมวัดพระธาตุลำปางหลวงได้ระหว่างเวลา 07.30-17.00 น.

หน้า: [1] 2 3 ... 46


























































อยากขายของดี
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
ขายสินค้าไม่สต๊อกสินค้า
เริ่มขายของออนไลน์
รับทำ seo ด่วน
smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
ไม่รู้จะขายอะไรดี

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
โพสกระตุ้นยอดขาย
วิธีกระตุ้นยอดขาย เซลล์
วิธีแก้ปัญหายอดขายตก
เริ่มต้นขายของ
แหล่งรับของมาขายออนไลน์
ขายของออนไลน์อะไรดี
อยากขายของออนไลน์
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี

กลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
วิธีการหาลูกค้าของ sale
ทำ SEO ติด Google
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี
วิธีหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
การหาลูกค้าใหม่ รักษาลูกค้าเก่า
ช่องทางการเข้าถึงลูกค้า
เพิ่มฐานลูกค้าใหม่
รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด

โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
ทําไงให้ลูกค้าเข้าร้านเยอะ ๆ
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
เคล็ดลับขายของดี
ค้าขายไม่ดีทำอย่างไรดี
งานโพสโปรโมทงาน
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
หากลยุทธ์เพิ่มยอดขาย